กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--เอ้าดอร์ คอมมูนิเคชั่น
ผู้จัดงานแสดงสินค้าชั้นนำของไทย “เวิลด์เด็กซ์” จับมือสมาคมของเล่นไทย ทุ่มงบฯ กว่า 50 ล้านบาท เตรียมเปิดฉากงาน “Kids Of The World 2008” ระหว่างวันที่ 3-7 ตุลาคมนี้ ภายใต้แนวคิด “Play & Learn” เนรมิตบรรยากาศภายในงานแบบสวนสนุก เน้นกิจกรรมและของเล่นที่เพิ่มทักษะการเรียนรู้ ตอกย้ำศักยภาพไทยด้านออกแบบ และคุณภาพการผลิตอันดับ 1 ของโลก คาดมีผู้ร่วมงานทะลุ 5 แสนคน เงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท
นายนิคม เลิศมัลลิกาพร ประธานบริษัท เวิลด์เด็กซ์ จี อี ซี จำกัด ในฐานะตัวแทนด้านการจัดงานแสดงสินค้า และงานโปรโมชั่นในระดับนานาชาติชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันความต้องการของเล่นเพื่อเพิ่มพัฒนาการของเด็ก มีอัตราเพิ่มมากขึ้น และผู้ปกครองเริ่มเห็นความสำคัญ ดังนั้นบริษัทฯ จึงเตรียมจัดงานของเล่นครั้งใหญ่ และสมบูรณ์ที่สุดในประเทศ ภายใต้ชื่องาน “Kids Of The World 2008” โดยงานจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 3-7 ตุลาคม 2551 นี้ ณ เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด “Play & Learn” หรือ เรียนรู้จากการเล่น ที่มุ่งส่งเสริมความรู้เชิงสร้างสรรค์ และเสริมด้วยกิจกรรมการเล่นต่างๆ ที่สอดแทรกสาระที่จะเพิ่มจินตนาการ อันจะเป็นประโยชน์สำหรับเยาวชนและผู้ปกครองที่มาร่วมงาน
รูปแบบการจัดงานในครั้งนี้ จะถูกเนรมิตขึ้นเสมือนสวนสนุก โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่ 1 จะเป็นกิจกรรมพิเศษ ที่รวมแหล่งความรู้ เกม การละเล่น ของเล่น เครื่องเล่นและสวนสนุก เป็นโซนที่จะพัฒนาสมองของเด็ก ทั้งด้านจินตคณิต,ศิลปะ,ดนตรี,ความกล้าแสดงออก,สร้างเสริมจินตนาการ และมนุษยสัมพันธ์ในการอยู่หรือทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยบริษัทที่เข้าร่วมออกงานและต้องการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์องค์กรก็จะมาจัดกิจกรรมพิเศษเฉพาะภายใต้คอนเซ็ป Play & Learnในบริเวณพื้นที่ของตนเอง และส่วนที่ 2 จะเป็นการจัดแสดงสินค้าชั้นนำและบริการคุณภาพสำหรับเด็กให้ผู้ร่วมได้จับจ่ายใช้สอยกัน อาทิ ผลิตภัณฑ์อาหาร อาหารเสริม ของเล่นเด็ก โรงเรียนสอนพิเศษ สถาบันดนตรี เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น ดังนั้นภายในงานเด็กๆจะได้ทั้งการสนุกสนานจากกิจกรรมเสริมพัฒนาการเด็กและคุณพ่อคุณแม่ก็จะได้จับจ่ายใช้สอยสินค้าเพื่อลูกรักของตน
“ผมเชื่อมั่นว่า ด้วยศักยภาพของบริษัทฯ จะสามารถจัดงานครั้งนี้ได้อย่างยิ่งใหญ่ และจะได้รับการตอบรับจากเด็กและผู้ปกครองอย่างดี โดยเราได้ทุ่มงบฯการจัดงานกว่า 50 ล้านบาท บนพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร คาดว่าจะมีผู้ร่วมงานกว่า 400,000-500,000 คน คิดเป็นเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 600-700 ล้านบาท และการจัดงาน Kids of the world 2008 ครั้งนี้ จะเป็นแรงผลักดันให้สังคมตระหนักถึงความจำเป็นในการพัฒนาความสามารถของเด็กจากการเล่น และยังเป็นตัวชี้วัดขีดความสามารถของผู้ผลิตสินค้าให้กับเด็กในประเทศไทยอีกด้วย” นายนิคม กล่าว
ด้าน นางสาวดวงใจ คูห์ศรีวินิจ นายกสมาคมอุตสาหกรรมของเล่นไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดสินค้าของเล่นเด็กในปีนี้ว่า แม้ว่าตลาดจะไม่ค่อยคึกคัก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวแต่ของเล่นเด็กที่มีคุณภาพ และเสริมสร้างทักษะ กลับมียอดขายสูงขึ้น เนื่องจากผู้ปกครองรุ่นใหม่ให้ความสนใจ และต้องการพัฒนาการเรียนรู้ของบุตรหลานเพิ่มมากขึ้น
“สำหรับวัตถุดิบของเล่นสำหรับเด็กที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ก็คือ ของเล่นทำจากไม้ คิดเป็น 30-40% เพราะไทยมีแหล่งวัตถุดิบในประเทศอย่างยางพารา การรักษาสิ่งแวดล้อมที่จะนำมาใช้ทำตลาด รวมทั้งการออกแบบที่มีการวิจัยและพัฒนาอยู่สม่ำเสมอ ส่วนวัตถุดิบที่นิยมทั่วโลกยังคงเป็นพลาสติกและผ้า เพราะราคาถูก คงทนถาวร หาง่าย ซึ่งการแบ่งประเภทของเล่นเด็กนอกเหนือจากวัตถุดิบแล้วยังสามารถแบ่งได้ตามอายุของเด็ก เช่น เด็กทารก ก่อนวัย 3 ขวบ ก่อนวัยเรียน หรือ อายุ 6 ปีขึ้นไป รวมถึงแบ่งตามคุณค่าที่ได้จากของเล่น ได้แก่ ของเล่นเพื่อการศึกษา เลียนแบบพฤติกรรมสมมติของพ่อแม่ ของเล่นกลางแจ้ง และของเล่นสร้างความคิดสร้างสรรค์หรือศิลปะ เป็นต้น”
นายกสมาคมอุตสาหกรรมของเล่นไทย กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการไทยผลิตของเล่นสำหรับเด็กประมาณ 200 แห่ง แยกสัดส่วน 90% เป็นเจ้าของธุรกิจที่คิดออกแบบและผลิตเอง โดยมีของเล่นจากจีนครองตลาด โลกกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่สัดส่วนสินค้าของไทยมีไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นผู้ประกอบการ จึงจะต้องปรับตัวและเน้นผลิตสินค้าที่มีความปลอดภัย รวมทั้งพัฒนาการออกแบบและคุณภาพมาตรฐานการผลิต เพื่อตอกย้ำจุดแข็งในส่วนนี้ของไทย ที่ครองอันดับ 1 ของโลกมาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่า ปี 2551 ประเทศไทยจะสามารถทำตัวเลขการส่งออก เพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ โดยเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะประเทศแถบละตินอเมริกา ซึ่งถือเป็นตลาดที่น่าสนใจ
ขณะที่ รศ.ดร.จิตตินันท์ เดชะคุปต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก สาขาวิชามนุษย์นิเวศน์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เปิดเผยถึง รูปแบบการเลือกซื้อของเล่นในปัจจุบันว่า ผู้ปกครองมีความสนใจเลือกซื้อของเล่นที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ควบคู่ไปกับของเล่นอิเล็กทรอนิกส์เสมือนจริงมากขึ้น
ทั้งนี้ รศ.ดร.จิตตินันท์ ได้แนะนำการเลือกซื้อของเล่น ว่า เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี ควรให้ของเล่นที่จับต้องก่อน เพื่อฝึกในการใช้จินตนาการ ก่อนที่จะให้ของเล่นอิเล็กทรอนิกส์หรือเกมเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับของเล่นตามลำดับ จนสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีเหตุมีผล ส่วนการเลือกของเล่นนั้น ควรพิจารณาความปลอดภัยเป็นอันดับแรก นอกจากนี้ต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับ ราคาที่เหมาะสม และมีความคงทนด้วย
“ปัจจุบันเกมอิเลทรอนิกส์ ได้รับความสนใจจากเยาวชนเป็นอย่างมาก เนื่องจากถูกออกแบบให้แก้ปัญหาในเกม ซึ่งหากผู้ปกครองจัดสรรเวลาให้กับเด็กไม่เหมาะสม ก็จะส่งผลให้เด็กขาดทักษะในการสื่อสารกับคนอื่น ดังนั้นผู้ปกครองควรส่งเสริมให้เด็กทำกิจกรรมอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ทัศนศึกษา เล่นกีฬา และดนตรี ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ก็สามารถพัฒนาเด็กได้เช่นกัน” รศ.ดร.จิตตินันท์ กล่าวในตอนท้าย
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : ฝ่ายประชาสัมพันธ์
ภัทรวดี ใจผ่อง โทร. 085 239 8400 , 086 334 1894
ฐปนีย์ จันทคัด โทร. 081 534 5832 , 086 310 9859
เอ้าดอร์ คอมมูนิเคชั่น โทร. 0-2953 — 3938
บริษัท เวิลด์เด็กซ์ จี.อี.ซี จำกัด
ไอริณ โทร. 081 584 1707 ([email protected])
นันทพงษ์ โทร. 089 059 5552 ( [email protected] )