กรมธนารักษ์ และ ปตท. ร่วมลงนามสัญญาให้ใช้ที่ราชพัสดุ พร้อมชำระค่าตอบแทน

อังคาร ๐๓ มิถุนายน ๒๐๐๘ ๑๓:๓๑
กรุงเทพฯ--3 มิ.ย.--กรมธนารักษ์
วันนี้ (3 มิถุนายน 2551) เวลา 09.30 น. ณ กรมธนารักษ์ ได้มีการลงนามในสัญญาให้ใช้ ที่ราชพัสดุที่แบ่งแยกให้กระทรวงการคลังในการดำเนินกิจการของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)โดยมีค่าตอบแทน โดยมีนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านทรัพย์สิน เป็นประธาน นางพันธ์ทิพย์ สุรทิณฑ์ อธิบดีกรมธนารักษ์ และนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ร่วมลงนาม
นางพันธ์ทิพย์ สุรทิณฑ์ อธิบดีกรมธนารักษ์ ได้กล่าวถึงรายละเอียดของการลงนามในวันนี้ว่า สืบเนื่องจากศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2550 ในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.47/2549 และคดีหมายเลขแดงที่ ฟ.35/2550 ให้ ปตท. แบ่งแยกทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สิทธิการใช้ที่ดินเหนือที่ดินของเอกชนเพื่อวางระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อ รวมถึงทรัพย์สินที่ประกอบกันเป็นระบบขนส่งปิโตรเลียมทางท่อให้แก่กระทรวงการคลังโดยให้ ปตท. ยังคงมีสิทธิใช้ที่ราชพัสดุดังกล่าวต่อไป แต่ต้องจ่ายค่าตอบแทนเป็นรายได้แผ่นดินตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ซึ่ง ปตท. และกรมธนารักษ์ได้ร่วมกันสำรวจและตรวจสอบทรัพย์สินที่จะดำเนินการแบ่งแยก และได้มีการลงนามบันทึกการแบ่งแยกและส่งมอบทรัพย์สินดังกล่าว เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2551 ที่ผ่านมาซึ่งมีรายละเอียดของทรัพย์สินที่แบ่งแยกดังนี้
1. ที่ดินที่ได้มาจากการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ได้ใช้เงินทุนจากรัฐและใช้อำนาจมหาชนเวนคืนที่ดินเนื้อที่รวม 32 ไร่ 0 งาน 74.1 ตารางวา จำนวน 106 แปลง ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง ซึ่งมีมูลค่าสุทธิทางบัญชี ณ วันที่ 30 กันยายน 2544 รวมประมาณ 1 ล้านบาท
2. สิทธิการใช้ที่ดินเหนือที่ดินเอกชนเพื่อวางระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อ ซึ่งการปิโตรเลียมฯ ใช้อำนาจมหาชนของรัฐเหนือที่ดินเอกชนในการบังคับแก่ทรัพย์สินของเอกชน และจ่ายค่าทดแทนโดยใช้เงินของการปิโตรเลียมฯ ขณะที่มีฐานะเป็นองค์การของรัฐ ซึ่งมีมูลค่าสุทธิทางบัญชี ณ วันที่ 30 กันยายน 2544 รวมประมาณ 1,137 ล้านบาท
3. ทรัพย์สินที่เป็นระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในที่ดิน ตามข้อ 1 และ 2 ซึ่งมีมูลค่าสุทธิทางบัญชี ณ วันที่ 30 กันยายน 2544 รวมประมาณ 14,808 ล้านบาท
4. ทรัพย์สินที่เป็นระบบท่อจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ (โครงการท่อย่อย) ที่อยู่ในที่ดินตามข้อ 2 ซึ่งมีมูลค่าสุทธิทางบัญชี ณ วันที่ 30 กันยายน 2544 รวมประมาณ 229 ล้านบาท
สำหรับการลงนามในวันนี้เป็นการลงนามในสัญญาเพื่อให้ ปตท. ใช้ทรัพย์สินดังกล่าวซึ่งเป็นที่ราชพัสดุมีกำหนดระยะเวลา 30 ปี ตั้งแต่ 1 มกราคม 2551 - 31 ธันวาคม 2580 ซึ่ง ปตท. จะต้องชำระค่าตอบแทนการใช้ย้อนหลังตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2544 ถึง 31 ธันวาคม 2550 เป็นเงิน 1,330,067,576.82 บาท (หนึ่งพันสามร้อยสามสิบล้านหกหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยเจ็ดสิบหกบาทแปดสิบสองสตางค์)พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จำนวน 266,689,517.75 บาท (สองร้อยหกสิบหกล้านหกแสนแปดหมื่นเก้าพันห้าร้อยสิบเจ็ดบาทเจ็ดสิบห้าสตางค์) รวมเป็นเงินประมาณ 1,596,757,094.57 บาท (หนึ่งพันห้าร้อยเก้าสิบหกล้านเจ็ดแสนห้าหมื่นเจ็ดพันเก้าสิบสี่บาทห้าสิบเจ็ดสตางค์) โดยค่าตอบแทนดังกล่าวคำนวณจากส่วนแบ่งรายได้ (Revenue Sharing) จากค่าผ่านท่อ โดยกำหนดค่าตอบแทนขั้นต่ำไว้ที่ 180 ล้านบาท ต่อปี และไม่เกิน 550 ล้านบาทต่อปี
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ได้กล่าวว่าสัญญาให้ใช้ที่ราชพัสดุนี้เป็นการตกลงเข้าทำรายการกับบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน เนื่องจากเป็นการเข้าทำรายการระหว่างบริษัทจดทะเบียน (ปตท.) กับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทจดทะเบียน (กระทรวงการคลังถือหุ้นใน ปตท. ร้อยละ 51.80 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ณ วันที่ 21 มีนาคม 2551) ตามประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ.2546 ดังนั้น ปตท. ต้องขออนุมัติการเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกันดังกล่าวต่อคณะกรรมการ ปตท. และเปิดเผยสารสนเทศต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยไม่ต้องขออนุมัติต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งคณะกรรมการ ปตท. ได้มีมติอนุมัติแล้วเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และนำมาสู่ความสำเร็จของการลงนามในสัญญาร่วมกันในวันนี้
สำหรับการประเมินมูลค่ารายการตามสัญญาดังกล่าว ใช้วิธีมูลค่ารวมตามมูลค่า ณ ปัจจุบัน (Net Present Value) ในอัตราส่วนลดที่ 8.5% ซึ่งเป็นอัตราที่สมเหตุสมผลและสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงในปัจจุบัน เพราะเป็นอัตราเดียวกับอัตราผลตอบแทนการลงทุนใหม่ (Return on Invested Capital) ในกิจการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันประมาณ 5,904 ล้านบาทสำหรับค่าใช้สินทรัพย์ตลอดระยะเวลา 30 ปีหรือคิดเป็นมูลค่าปัจจุบันประมาณ 7,473 ล้านบาทหากรวมค่าใช้ทรัพย์สินย้อนหลังตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2544 ถึง 31 ธันวาคม 2550 (รวมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี) จำนวนประมาณ 1,596 ล้านบาท
การลงนามสัญญาในวันนี้นับเป็นความสำเร็จของ กรมธนารักษ์ และ ปตท. ที่ได้ร่วมกันดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินและคำนวณค่าตอบแทนอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม และเป็นไปตาม คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2550 ได้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินที่ได้ส่งมอบนี้ จะนำมาซึ่งประโยชน์แก่ประเทศชาติ และประชาชนคนไทยทุกคนต่อไป
กรมธนารักษ์ กลุ่มประชาสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
โทร.0-2278-5641 โทร.0-2537-2159-60
โทรสาร.0-2278-5778 โทรสาร.0-2537-2174

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO