กรุงเทพฯ--16 มิ.ย.--บลจ.แอสเซท พลัส
บลจ.แอสเซท พลัส เสนอขายกองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีเงินออม 4 (ASP-MMF4) ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐต่างประเทศและตราสารหนี้เอกชนในประเทศ รอบการลงทุนทุก 6 เดือน คาดผลตอบแทน ประมาณ 3.50%* ต่อปี เสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 17-24 มิถุนายน นี้
นายวสุ สุทธิพงษ์ชัย ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด ให้ความเห็นว่า แรงกดดันภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลกจากต้นทุนราคาน้ำมันที่ทำสถิติ new high หลายครั้ง จะส่งผลให้ธนาคารกลางของแต่ละประเทศหันมาใช้นโยบายการเงินตึงตัวมากขึ้น โดยขณะนี้ ธนาคารกลางหลายแห่งในยุโรป อังกฤษ ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับเดิม ที่ 5% และ 4% ตามลำดับ นอกจากนี้ ในส่วนของธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2% และมีแนวโน้มจะเข้าสู่วงจรขาขึ้น โดยคาดว่าจะปรับตัวขึ้นในปลายปีนี้
“สำหรับประเทศไทย หากราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 140 เหรียญ จนถึงปี 2551 จะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ประมาณ 9-10% ก่อนลดลงสู่ระดับ 6-7% ในช่วงปลายปี 2551 ซึ่งน่าจะทำให้เงินเฟ้อพื้นฐานอาจมากกว่าเป้าหมาย 3-5% ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด โดยหากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงคาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปลายปี ประมาณ 50-75 basis point” นายวสุ กล่าว
ในด้านการบริหารกองทุนตราสารหนี้ กองทุนได้ปรับลด duration ของตราสารให้สั้นลงแล้ว ทำให้กองทุนได้รับผลกระทบจากแนวโน้มการปรับตัวสูงขึ้นของดอกเบี้ยน้อยกว่าดัชนีพันธบัตร
“สำหรับคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนอาจลงทุนในตราสารหนี้ ระยะสั้น 3-6 เดือน เพื่อให้ช่วงเวลาการลงทุนสามารถรับกับจังหวะการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในอนาคตได้ ซึ่งขณะนี้จะเห็นว่าธนาคารพาณิชย์หลายแห่งได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนำร่องไปแล้ว” นายวสุ กล่าว
เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่มองหาการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น บริษัทฯ จะเสนอขายกองทุนเปิด แอสเซทพลัสทวีเงินออม 4 (ASP-MMF4) เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพทั้งในและต่างประเทศที่ผู้ออกได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment grade) รอบการลงทุนทุก 6 เดือน
สำหรับตราสารที่คาดว่ากองทุนจะลงทุนได้แก่ ตราสารหนี้ภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ เช่น Korea Treasury Bond, Korea Development Bank, Korea Export-Import Bank ในสัดส่วน 79% ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้เอกชนในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ Investment Grade ขึ้นไป ทั้งนี้ คาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนหลังหักค่าใช้จ่ายประมาณ 3.50% ต่อปี*” นายวสุ กล่าว
*ที่มา : Barclay ข้อมูล ณ 13 มิ.ย. 51 (ผลตอบแทนจากตราสารที่ลงทุน 3.90% /ค่าใช้จ่ายประมาณ 0.40%) ทั้งนี้ หากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่ระบุไว้
ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ :
ส่วนประชาสัมพันธ์ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ
นิตยา เลิศแสงเพชร โทร. 02-672-1000 ต่อ 3314 อีเมล์: [email protected]
มุกพิม จุลพงศธร โทร. 02-672-1000 ต่อ 3308 อีเมล์: [email protected]