สมาคมนักวิเคราะห์ฯ ลดเป้าดัชนีหุ้นปลายปีเหลือ 927 จุด แนะทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี

จันทร์ ๑๖ มิถุนายน ๒๐๐๘ ๑๕:๕๔
กรุงเทพฯ--16 มิ.ย.--ตลท.
สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ปรับเป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์เฉลี่ย ณ ปลายปี 2551 มาอยู่ที่ 927 จุด ซึ่งลดลงจากที่คาดไว้เดิมเมื่อ มค.ที่ผ่านมาซึ่งเคยคาดการณ์ไว้ที่ 958 จุด ทั้งนี้ จากการเปิดเผยโดยนายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมฯ เกี่ยวกับผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ล่าสุด เรื่องแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้น โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้อยู่ที่ร้อยละ 5 ในขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน จะมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 19.7 โดยกลุ่มที่มีผลประกอบการเติบโตสูงที่สุด คือ กลุ่มธนาคาร นอกจากนี้ นักวิเคราะห์แนะให้รัฐบาลมีนโยบายเศรษฐกิจที่ชัดเจน และเรียกร้องให้มีความสมานฉันท์ในชาติ
สมาคมนักวิเคราะห์ฯ ได้สำรวจความเห็นนักวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองที่เปลี่ยนไป โดยมีประเด็นเกี่ยวกับปัจจัยที่นักวิเคราะห์มองว่าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุน ทั้งปัจจัยทางการเมืองและปัจจัยอื่น แนวโน้มของสถานการณ์ทางการเมือง ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจซึ่งรวมถึง แนวโน้มอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย ค่าเงินบาท คาดการณ์อัตราการขยายตัวของกำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมและใน 6 กลุ่มธุรกิจสำคัญ เป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์ หุ้นที่แนะนำให้ลงทุนในช่วงนี้ คำแนะนำให้นักลงทุน รวมถึงข้อแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ ตลาดทุน และสังคม โดยมีสำนักวิจัยจากบริษัทหลักทรัพย์ทั้งไทยและบริษัทต่างชาติแสดงความเห็นรวม 21 แห่ง
นักวิเคราะห์ที่ตอบแบบสอบถามทั้งหมดมองตรงกันว่า ปัจจัยการเมือง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยประเด็นทางการเมืองที่ส่งผลกระทบมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่
- อันดับ 1 มีผู้ตอบร้อยละ 67 คือ การชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มที่คัดค้านรัฐบาล ซึ่งมีความกังวลว่าจะมีการยืดเยื้อและนำไปสู่ความรุนแรง
- อันดับ 2 มีผู้ตอบร้อยละ 52 คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
- อันดับ 3 มีผู้ตอบร้อยละ 24 คือ ประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล
สำหรับทิศทางของสถานการณ์ทางการเมืองในระยะ 6 เดือนข้างหน้านั้น นักวิเคราะห์ร้อยละ 52 มองว่าจะแย่ลง ในขณะที่ร้อยละ 33 คาดว่าจะดีขึ้น และอีกร้อยละ 14 เห็นว่าไม่เปลี่ยนแปลง
นอกเหนือจากปัจจัยทางการเมือง ปัจจัยที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี 2551 แบ่งเป็นปัจจัยบวก และปัจจัยลบ ประกอบด้วย
ปัจจัยบวก
- อันดับ 1 ผู้ตอบร้อยละ 52 คือ การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
- อันดับ 2 ผู้ตอบร้อยละ 29 คือ แนวโน้มรายได้และกำลังซื้อของภาคเกษตรกรเพิ่มมากขึ้น จากการที่ราคาสินค้าเกษตรอยู่ในระดับสูง
- อันดับ 3 ผู้ตอบร้อยละ 19 มีสองปัจจัย คือ เงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าในระยะยาว และอีกปัจจัยหนึ่งคือ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีอัตราการขยายตัวในระดับที่ดี
ปัจจัยลบ
- อันดับ 1 ผู้ตอบร้อยละ 71 มีสองปัจจัยซึ่งเกี่ยวเนื่องกัน คือ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับผลกระทบมาจากราคาน้ำมันที่สูง
- อันดับ 2 ผู้ตอบร้อยละ 67 คือ อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้น
- อันดับ 3 ผู้ตอบร้อยละ 29 คือ เศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวลง จากปัญหาเศรษฐกิจและการเงินทั้งของสหรัฐและหลายประเทศ
เมื่อเปรียบเทียบคาดการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ หรือ SET Index ณ วันสิ้นปี 2551 โดยเทียบผลคาดการณ์ระหว่างช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุชุมนุมทางการเมือง กับในปัจจุบัน พบว่านักวิเคราะห์ปรับลดเป้าหมายดัชนีลง โดยตัวเลขเฉลี่ยของดัชนี ณ สิ้นปี 2551 ก่อนเกิดเหตุชุมนุมอยู่ที่ 985 จุด ในขณะที่ปัจจุบัน ตัวเลขเฉลี่ยลดลงไปอยู่ที่ 927 จุด โดยมีผู้คาดการณ์ 1 รายที่คาดการณ์ไว้สูงถึง 1,200 จุด ขณะที่สำนักที่เหลือทั้งหมดไม่มีรายใดคาดการณ์สูงกว่า 970 จุด และนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ สิ้นปี 2552 โดยเฉลี่ยจะสามารถปรับขึ้นไปที่ระดับ 1,081 จุด โดยมี ผู้คาดการณ์ไว้สูงสุดที่ 1,400 จุด
ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจสำหรับทั้งปี 2551 คือ อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ หรือ GDP Growth จากการสำรวจของสมาคมนักวิเคราะห์ฯ พบว่า ตัวเลขคาดการณ์เฉลี่ยก่อนเกิดเหตุชุมนุมอยู่ที่ 5.3% เทียบกับในปัจจุบันมีตัวเลขเฉลี่ยอยู่ที่ 5% ซึ่งยังสูงขึ้นเล็กน้อยจากระดับเฉลี่ย 4.8% ในการสำรวจครั้งที่แล้วเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา สำหรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน หรือ EPS Growth ในปี 2551ก่อนเหตุชุมนุม นักวิเคราะห์คาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 21% เทียบกับปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 19.7% ซึ่งสูงขึ้นจากการสำรวจครั้งที่แล้วที่ 18.9%
ในปัจจุบันนักวิเคราะห์คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นจากการประเมินครั้งก่อน โดยเมื่อ 29 มค.51 เคยคาดการณ์ดอกเบี้ย RP 1 วัน ณ สิ้นปี 2551 อยู่ที่เฉลี่ย 3.10% แต่ปัจจุบันคาดการณ์ไว้ที่เฉลี่ย 3.56%
นักวิเคราะห์มีการปรับประมาณการ อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทและดอลลาร์สรอ. ณ สิ้นปี 2551 เช่นกัน โดยก่อนเหตุชุมนุม คาดไว้เฉลี่ยอยู่ที่ 31.9 บาทต่อดอลลาร์สรอ. ในขณะที่ปัจจุบันปรับประมาณการใหม่เป็น 32.7 บาทต่อดอลลาร์สรอ.
(โปรดดูเอกสารแนบ ตารางที่ 1 - ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจเปรียบเทียบระหว่าง ก่อนเกิดเหตุชุมนุมทางการเมือง และปัจจุบัน)
ประมาณการผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ ประเมินจากอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ของกลุ่มธุรกิจสำคัญ จากผลที่ได้จากแบบสอบถาม พบว่า กลุ่มธนาคารยังคงมีอัตราการเติบโตสูงสุด โดยมีค่าเฉลี่ย EPS Growth ที่ 466.6% อันดับสองคือ อสังหาริมทรัพย์ เติบโตเฉลี่ยที่ 28.1% อันดับต่อมาคือ กลุ่มเดินเรือ เติบโตเฉลี่ยที่ 12.2%
ตารางที่ 2 - EPS Growth (%) ปี 2551 แยกตามกลุ่มธุรกิจ
กลุ่มธุรกิจ ค่าเฉลี่ย
สำรวจครั้งนี้ สำรวจครั้งก่อน (29 มค.51)
ธนาคาร 466.6 171.0
อสังหาริมทรัพย์ 28.1 15.1
เดินเรือ 12.2 3.6
พลังงาน 8.4 11.2
วัสดุก่อสร้าง 3.6 -3.5
ปิโตรเคมี -0.4 13.7
ข้อเสนอแนะเพื่อประเทศชาติ
นักวิเคราะห์ที่ตอบแบบสอบถามเสนอข้อแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ ตลาดทุน และ/หรือสังคมของประเทศ โดยเสนอแนะดังนี้
- นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลควรมีความชัดเจนและคำนึงถึงผลกระทบในระยะยาว
- ควรร่วมมือกันประหยัดพลังงาน
- ประชาชนควรมีความสมานฉันท์ และร่วมมือกัน ลดความขัดแย้ง เพื่อช่วยให้ประเทศฝ่าฟันปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองไปได้
หุ้นแนะนำ
นักวิเคราะห์แนะนำหุ้นน่าลงทุน ที่ตรงกันหลายสำนักวิจัย ได้แก่ BANPU, HANA, KBANK, PTTEP, SCB เป็นต้น (เรียงตามลำดับตัวอักษร)
คำแนะนำการลงทุนโดยสรุป
สำหรับการลงทุนระยะกลางและยาว ให้ทยอยสะสมหุ้นเมื่ออ่อนตัวลง เน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ได้รับผลกระทบน้อยจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น มีกระแสเงินสดดี และมีเงินปันผลสูง
แหล่งข้อมูล...สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โทร. 02-229-2329, 02-229-2355-6 อีเมล์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘ เม.ย. ARDA จับมือ ฟาร์ม เอ็กซ์โป และพันธมิตร เปิดศึก AGRITHON by ARDA Season 2 เฟ้นหาสุดยอดไอเดียปลุกพลังนวัตกรรมเกษตรไทย ชิงทุนวิจัยรวมกว่า 100
๑๘ เม.ย. กรุงศรี ฉลอง 80 ปี ดูหนัง 80 บาท ที่ Major Cineplex เมื่อชำระด้วยบัตรกรุงศรี เดบิตและบัตร Krungsri Boarding
๑๘ เม.ย. แบรนด์ซุปไก่สกัด รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในโครงการ สมองล้าอย่าขับ พักดื่มแบรนด์ จับมือ ตำรวจทางหลวง และ ตำรวจจราจร
๑๘ เม.ย. ซัมซุงจัดใหญ่! เป็นเจ้าของ ตู้เย็น Side by Side รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมรับสิทธิพิเศษแบบจุใจ ได้แล้ววันนี้
๑๘ เม.ย. ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดกนง.มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนเมษายนนี้
๑๘ เม.ย. EXIM BANK ร่วมกับกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs รับมือนโยบายภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ
๑๘ เม.ย. ปักหมุด! เตรียมจัดงาน PET Expo Thailand 2025 จัดยิ่งใหญ่ครบรอบ 25 ปี
๑๘ เม.ย. ลดคลายร้อน ช้อปแลคตาซอย 1,000 ลด 100 พร้อมชวนร่วมสนุกถ่ายภาพคู่แลคตาซอย ลุ้น 10 รางวัล
๑๘ เม.ย. DITP ประชุมผู้จัดแสดงสินค้า เตรียมความพร้อมสู่เวที THAIFEX - ANUGA ASIA 2025
๑๘ เม.ย. โรงแรมเครือดุสิตธานี เปิดตัวโปรพิเศษต้อนรับซัมเมอร์ 'A Night on Us' เติมเต็มวันพักผ่อนอย่างมีความสุขกับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานีทั่วโลก