กรุงเทพฯ--19 มิ.ย.--เซ็นทรัลพัฒนา
สถาบันวิจัยสังคมบูรณาการ ร่วมกับ คณะวิจิตรศิลป์ และ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดทำโครงการ “แป๋งขี้เหยื่อหื้อเป็นทุน เพื่อลดการเผาขยะ” ซึ่งเป็นโครงการบูรณาการฝึกอบรมการเพิ่มมูลค่าของเหลือใช้ เพื่อลดมลพิษทางอากาศจากการเผาโดยได้รับความมือจากแต่ละชุมชนต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสร้างสภาพอากาศที่ดีให้กับเชียงใหม่
สำหรับโครงการครั้งนี้ได้จัดแสดงเพื่อเป็นความรู้ให้กับประชาชนทั่วไป ผ่านกิจกรรมมากมาย อาทิ ประวัติความเป็นมาและความสำคัญของโครงการ, การฉายวีดีทัศน์, นิทรรศการ, รวมทั้งการพูดคุยถามตอบกับผู้ดูแลโครงการ และพบกับซุ้มผลิตภัณฑ์ จากวัสดุเหลือใช้จากชุมชนต่างๆ
ในงาน “แป๋งขี้เหยื้อหื้อเป็นทุน ลดการเผาขยะ” ตั้งแต่วันที่ 27 — 29 มิถุนายน 2551 บริเวณ Northern Village ชั้น2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต
ข้อมูลตัวอย่างชุมชนที่เข้าร่วมโครงการ
1.ชุมชนเทศบาลตำบลสารภี
ชุมชนสารภีเกิดแนวความคิดที่จะลดการเผาขยะ และมลพิษ โดยการนำเอาเศษหญ้าที่มีอยู่ ภายในชุมชน เป็นจำนวนมากมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ อีกทั้งเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนแทนที่จะนำเศษหญ้าไปทำลาย โดยการเผา ดังนั้นชุมชนสารภีจึงร่วมกับโครงการ เพื่อลดการเผาขยะ โดยมีแนวทางในการทำงานร่วมกัน อย่างบูรณาการและสร้างสรรรค ด้วยการทำเศษหญ้า ที่เป็นสิ่งที่สามารถหาได้ง่ายและมีมากภายในชุมชน จึงพัฒนาให้เป็น “ตะกร้าหญ้า” ที่สามารใช้ได้จริง จึงนำเศษหญ้าแห้งมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังเป็นการลดการเผาเศษหญ้าซึ่งเป็นการช่วยลดภาวะทางอากาศ ทำให้สุขภาพของประชากรในชุมชนดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถเพิ่มมูลค่า และรายได้ให้กับประชากรในชุมชน โดยผลิตภัณฑ์นี้มีคุณสมบัติเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมย่อยสลายง่าย มีน้ำหนักเบา รูปแบบกระทัดรัด สามารถใช้เป็นของตกแต่งบ้านได้ เหมาะสำหรับใส่ผลไม้ อาหารแห้ง ฯลฯ
ทั้งนี้ในชุมชนยังได้มีการนำเศษผ้ามาผลิตเป็น “เบาะนั่งเศษผ้า” ที่ผลิตจากเศษผ้าที่เหลือจากการตัดเย็บเสื้อผ้าของชุมชน และโฟมที่เป็นขยะย่อยสลายยาก มาทำเป็นเบาะนั่งเศษผ้า เป็นหารสร้างอรรถประโยชน์ และเพิ่มมูลค่าจากเศษวัสดุที่เหลือใช้ เพื่อลดปริมาณของขยะ และลดขยะโฟมในชุมชน มีขนาดเหมาะสำหรับการใช้งาน บวกกับการออกแบบที่สวยงามทันสมัย สามารถใช้สอยตามความต้องการ ใช้ประดับและตกแต่งบ้าน
2.ชุมชนทานตะวัน
เป็นชุมชนที่ค่อนข้างมีจำนวนประชาชนหนาแน่น ประกอบกับมีแนวความคิดที่ต้องการพัฒนาศักยภาพ ของชุมชนให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น และเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับสมาชิกในชุมชน จึงได้ร่วมกับโครงการ เพื่อลดการเผาขยะ ซึ่งเป็นโครงการที่มีแนวความคิดนำวัสดุที่ไม่ได้ใช้แล้ว, วัสดุจากการเหลือใช้ มาประดิษฐ์เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมานี้นอกจากจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับประชากรแล้ว ยังเป็นการช่วยลด ภาวะการเผาขยะอีกทางหนึ่งด้วย
ทางชุมชนมีแนวความคิดในการนำเอาวัสดุเหลือใช้ อาทิ กระดาษหนังสือพิมพ์เก่า และเศษมุ้งลวดมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ ภาชนะ และกระเช้าผลไม้ สำหรับใส่ผลไม้ ทั้งนี้ชุมชนจึงได้ร่วมกลุ่มกันเพื่อผลิต “ภาชนะ เกลียวคลื่น” และ “กระเช้ารูปสัตว์” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เน้นความสวยงามทางด้านศิลปะสามารถตั้งโชว์ หรือจัดวางสิ่งของ ผลไม้ ดอกไม้ เป็นเครื่องประดับในบ้าน และยังสามารถใช้งานได้จริง เหมาะสำหรับการมอบเป็นของขวัญ หรือของที่ระลึกเนื่องในเทศกาลต่างๆ และยังสามารถออกแบบได้ตามความต้องการของตลาด
3.ชุมชนองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแหวน
ภายในชุมชนมีการทำเฟอร์นิเจอร์จากไม้เป็นอาชีพหลักของชุมชน ทำให้มีเศษวัสดุจากเศษไม้เป็นจำนวนมาก จึงมีการกำจัดโดยการเผา ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ และส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน เพื่อเป็นการลดการเผาขยะ และร่วมกันบูรณาการความรู้ในการหาช่องทางการตลาด การเงิน และการออกแบบผลิตภัณฑ์จากเศษขยะ จึงนำเศษขี้เลื่อยจากไม้มาแปรสภาพเป็นผลิตภัณฑ์คือ “กระถางขี้เลื่อย” โดยนำขี้เลื่อยมาผสมกับกาวแล้วขึ้นรูปต่างๆ ให้มีความแปลกใหม่ มีคุณสมบัติเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้สำหรับปลูกต้นไม้ ไม้ดอกไม้ประดับ สามารถเป็นของตกแต่งประดับบ้าน โต๊ะอาหาร ฯลฯ มีอายุในการใช้งานนาน มีน้ำหนักเบารูปแบบกะทัดรัด และมีความสามรถ สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
สุนัดดา วัดอ่อน (เปิ้ล) แผนกประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
โทร. 0-2667-5555 ต่อ 4105 / 08-1689-9153 โทรสาร 0-2264-5575 Call Center 0-2635-1111
E-Mail: [email protected] / [email protected] Website:
- ธ.ค. ๙๓๔๗ ภาพข่าว: “แป๋งขี้เหยื่อ หื้อเป๋นทุน เพื่อลดการเผาขยะ”
- ๒๔ ธ.ค. เฮงลิสซิ่ง สนับสนุนน้ำดื่ม CMU - CHIANG MAI MARATHON 2024
- ๒๔ ธ.ค. TEKA ร่วมสนับสนุนชมรมอาสาพัฒนาและบำเพ็ญประโยชน์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- ๒๔ ธ.ค. มูลนิธิมิตซูบิชิ อิเล็คทริคไทย สานต่อเจตนารมณ์ มอบทุนการศึกษา 1.3 ล้านบาท แก่นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์