กรุงเทพฯ--26 มิ.ย.--กฟผ.
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ลงนามร่วมกับ บริษัท ผลิตไฟฟ้าอิสระ (ประเทศไทย) จำกัด (IPT) ในสัญญาให้บริการงานบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า IPT เน้นนำประสบการณ์ เสริมความมั่นคงและช่วยลดต้นทุนการผลิต อันจะส่งประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชนโดยรวม ด้าน IPT ระบุมั่นใจในศักยภาพ กฟผ. ที่ให้บริการด้วยมาตรฐานระดับสากล พร้อมส่งเสริมกิจการวิศวกรรมการซ่อมบำรุงของไทยให้มีความแข็งแกร่ง
วันนี้ (26 มิถุนายน 2551) นายสมบัติ ศานติจารี ผู้ว่าการ กฟผ. เป็นประธานในพิธีลงนามร่วมกับ นายสมชัย วงศ์วัฒนศานต์ กรรมการอำนวยการ IPT ในสัญญาให้บริการงานบำรุงรักษา (Total Maintenance Agreement) ของโรงไฟฟ้า IPT อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ประเภทโรงไฟฟ้า Combined Cycle Plant ขนาด 700 เมกะวัตต์ โดยมีระยะเวลา 6 ปี มูลค่ารวม 214 ล้านบาท ณ สำนักงานใหญ่ กฟผ. อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี
นายสมบัติ ศานติจารี ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. กับ IPT มีสัมพันธภาพที่ดี และประสานความร่วมมือกันมาตั้งแต่ปี 2540 โดย กฟผ.ให้บริการงานเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า และงานด้านโยธา ซึ่งปัจจุบันได้มีสัญญาบริการและสนับสนุนด้านเคมีภัณฑ์สำหรับโรงไฟฟ้า อีกทั้ง IPT ได้มอบความไว้วางใจให้ กฟผ. เป็นผู้ให้บริการงานบำรุงรักษา ภายใต้สัญญา Total Maintenance Agreement ในครั้งนี้
ตลอดระยะเวลา 39 ปี กฟผ.พร้อมที่จะนำประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถในงานด้านบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า เพื่อเสริมความมั่นคงด้านการผลิต ความพร้อมจ่ายไฟฟ้า และช่วยลดต้นทุนด้านการผลิตไฟฟ้าให้กับ IPT อันจะส่งประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชนโดยส่วนรวม
IPT คือผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายแรกของประเทศ ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจในการบริหารงานด้านการผลิตไฟฟ้า ส่งผลให้มีการเจริญเติบโต ช่วยเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในประเทศอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ IPT ยังให้ความสนใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม และชุมชนโดยรอบโรงไฟฟ้าเป็นสำคัญ
ด้านนายสมชัย วงศ์วัฒนศานต์ กรรมการอำนวยการ IPT กล่าวว่า “บริษัทฯ ได้ใช้บริการด้านการซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าจาก กฟผ. มานานกว่า 10 ปี แล้ว โดยเริ่มมาตั้งแต่การก่อสร้างโรงไฟฟ้าขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2540 ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในด้านวิศวกรรมและการประกอบกิจการโรงไฟฟ้า โดยจัดทำสัญญาให้บริการด้านเทคนิคและการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้ากับบริษัทฯ ควบคู่ไปกับสัญญารับซื้อไฟฟ้า ซึ่งทำให้บริษัทฯ ได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากผู้ถือหุ้น ผู้ให้กู้ ตลอดจนบริษัทประกันภัย ด้วยบริการที่ได้รับในช่วงที่ผ่านมาด้วยมาตรฐานสากลและทีมงานที่เป็นมืออาชีพ อีกทั้งเพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนกิจการวิศวกรรมการซ่อมบำรุงของคนไทยให้มีความแข็งแกร่งและเจริญก้าวหน้าสู่สากล เพื่อสร้างรายได้และศักยภาพให้กับประเทศ บริษัทฯ จึงได้ทำสัญญาบำรุงรักษากับ กฟผ. ฉบับใหม่ต่อไปอีก 6 ปี”
นายสมชัย กล่าวเสริมว่า “การดูแลโรงไฟฟ้าให้ดีและมีความพร้อมตลอดเวลา นอกจากทำให้บริษัทฯ ได้รับความเชื่อมั่นและมีรายได้ที่ดีอย่างต่อเนื่อง ยังช่วยในกรณีที่เกิดวิกฤตหรือเหตุฉุกเฉินขึ้นได้ อย่างกรณีช่วงฤดูร้อนเมื่อเร็วๆ นี้ได้เกิดเหตุการณ์ท่อส่งก๊าซธรรมชาติชำรุดเสียหายและการจัดส่งก๊าซธรรมชาติล่าช้าเมื่อต้นปี ทำให้ก๊าซธรรมชาติเกิดการขาดแคลน โรงไฟฟ้า IPT ได้มีส่วนช่วยในการรักษาความมั่นคงในระบบการผลิตไฟฟ้าของประเทศไว้ โดยเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติมาเป็นน้ำมันดีเซลได้ทันที โดยไม่มีปัญหาใดๆ ช่วยให้วิกฤตการณ์นั้นผ่านพ้นไปด้วยดี จากวิกฤตการณ์ที่ผ่านมานี้ ยังให้บทเรียนที่ดีอย่างหนึ่งว่า โรงไฟฟ้าจำเป็นต้องอยู่ใกล้แหล่งเชื้อเพลิง โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติควรอยู่ใกล้กับโรงกลั่นน้ำมัน เพราะการจัดหาและขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสิ่งสำคัญมากในยามวิกฤต”
ทั้งนี้ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นทางตรงในบริษัท ผลิตไฟฟ้าอิสระ (ประเทศไทย) จำกัด อยู่ ร้อยละ 24 และถือหุ้นทางอ้อมใน บริษัท ผลิตไฟฟ้าอิสระ (ประเทศไทย) จำกัด ผ่านการถือหุ้นใน บจ.ไทยออยล์เพาเวอร์ อีกร้อยละ 55 โรงไฟฟ้า IPT มีกำลังการผลิต 700 เมกกะวัตต์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ใกล้กับโรงกลั่นไทยออยล์ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
กองประชาสัมพันธ์สายงานผลิตไฟฟ้า
โทรศัพท์ 0-2436-7782