กรุงเทพฯ--4 ก.ค.--กทม.
ส.ก. เห็นชอบกทม. ปรับโครงสร้าง-หลักสูตร ร.ร.ฝึกอาชีพกทม. ให้ทันสมัย ไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน พร้อมเร่งรัดก่อสร้างเขื่อน-ประตูบังคับน้ำปากคลองบางเตย ป้องกันน้ำท่วมพื้นที่เขตบึงกุ่ม
ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 3 (ครั้งที่ 1) นายเอก จึงเลิศศิริ สมาชิกสภากรุงเทพมหานครเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และคณะ ได้เสนอญัตติ เรื่อง ขอให้กรุงเทพมหานครปรับปรุงโครงสร้างด้านการส่งเสริมอาชีพของกรุงเทพมหานคร
เนื่องจากปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีหน่วยงานที่ดำเนินการฝึกอาชีพให้แก่ประชาชน 4 แห่ง ดังนี้ 1. โรงเรียนฝึกอาชีพ มีหน้าที่จัดการอบรมวิชาชีพให้กับประชาชนผู้ขาดโอกาสทางการศึกษา 2. สถาบันพัฒนาการอาชีพ มีหน้าที่จัดการอบรมวิชาชีพให้กับประชาชนทุกกลุ่มทุกระดับ 3. วิทยาลัยชุมชน มีหน้าที่จัดการศึกษาระดับอนุปริญญาตรีและการฝึกอบรมในหลักสูตรต่างๆ หลายประเภทให้กับทุกคน และ 4. ศูนย์ฝึกอาชีพ มีหน้าที่อบรมวิชาชีพให้กับประชาชนเพื่อนำไปประกอบอาชีพหารายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว ทั้งนี้ภารกิจงานของทั้ง 4 หน่วยงานค่อนข้างซ้ำซ้อนกัน เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประชาชนไม่เกิดความสับสน ควรปรับโครงสร้างใหม่โดยรวมภารกิจของทั้ง 4 แห่ง โดยจัดตั้งเป็นสถาบันพัฒนาการอาชีพของกรุงเทพมหานครเพียงแห่งเดียว ซึ่งจะสามารถให้การบริหารจัดการเป็นไปในมาตรฐานเดียวกัน
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมุ่งมั่นพัฒนาโรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานครตลอดมาเพื่อให้ประชาชนได้รับความรู้ทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติอย่างจริงจัง โดยได้มีการปรับหลักสูตรให้มีความเหมาะสมและทันสมัยมากยิ่งขึ้น อาทิ การอบรมหลักสูตรพี่เลี้ยงเด็กและการดูแลผู้สูงอายุ หลักสูตรแม่บ้าน ซึ่งผู้ผ่านการอบรมทั้ง 2 หลักสูตร จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงบางหลักสูตรให้ตรงกับความต้องการของตลาด อาทิ หลักสูตรเสริมสวยเปลี่ยนเป็นหลักสูตรการเพ้นท์เล็บ หลักสูตรซ่อมคอมพิวเตอร์เป็นหลักสูตรการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ผ่านการอบรมสามารถออกไปประกอบอาชีพได้อย่างจริงจัง โดยกรุงเทพมหานครกำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงโครงสร้างทั้งหมดเพื่อให้ประชาชนทุกพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานครได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง และสามารถเป็นผู้ประกอบการรายย่อยได้
ทั้งนี้ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครได้มีมติเห็นชอบกับญัตติดังกล่าวและจะมอบให้คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครดำเนินการต่อไป
เตรียมรับมือน้ำท่วมเขตบึงกุ่ม
นายธนะกฤช พุกรักษา สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตบึงกุ่ม ได้เสนอญัตติ เรื่อง ขอให้กรุงเทพมหานครก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำตลอดแนวคลองบางเตย และประตูบังคับน้ำบริเวณปากคลองบางเตย เขตบึงกุ่ม เนื่องจากคลองบางเตยเป็นคลองที่รับน้ำจากคลองคู้บอน เขตคันนายาว และคลองแสนแสบ ในฤดูฝนของทุกปีน้ำจากคลองแสนแสบจะไหลย้อนเข้าสู่คลองบางเตย ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองบางเตย และริม ถ.นวมินทร์ ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำที่ไหลย้อนกลับดังกล่าว หากมีการก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำตลอดแนวคลองบางเตย และประตูบังคับน้ำบริเวณปากคลองบางเตยจะทำให้น้ำไม่ท่วม อีกทั้งเป็นการกำหนดแนวเขตระหว่างคลองกับที่ดินของประชาชนอย่างชัดเจน และเป็นการป้องกันปัญหาการรุกล้ำที่สาธารณะได้เป็นอย่างดี
รศ.ดร.บรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้ศึกษาโครงการดังกล่าวพบว่า คลองบางเตยมีความยาว 4 ก.ม. กว้าง 15 ม. และมีผลสำคัญต่อการเตรียมการป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่เขตบึงกุ่มและบางกะปิ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบโครงสร้างโดยสำนักการระบายน้ำซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จปี 52 อย่างไรก็ตามกรุงเทพมหานครได้มีการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ และติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมในบริเวณดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำให้ป้องกันน้ำท่วมและทำให้ระดับน้ำในคลองบางเตยลดลงหากเกิดฝนตกได้
ทั้งนี้ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครได้มีมติเห็นชอบกับญัตติดังกล่าวและจะมอบให้คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครดำเนินการต่อไป