ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ “บริษัทล็อกซ์เล่ย์” ที่ “BBB+” และเปลี่ยนแนวโน้มเป็น “Negative”

พุธ ๐๗ ธันวาคม ๒๐๐๕ ๐๙:๑๘
กรุงเทพฯ--7 ธ.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกัน (LOXL06NA, LOXL08NA) ของ บริษัท ล็อกซ์เล่ย์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” พร้อมทั้งได้เปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Negative” หรือ “ลบ” จากเดิม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงการที่บริษัทมีธุรกิจที่หลากหลาย การเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในประเทศ ตลอดจนการมีฝ่ายบริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ยาวนานซึ่งทำให้บริษัทมีบทบาทที่แข็งแกร่งในธุรกิจหลายประเภททั้งด้านเทคโนโลยีและการค้า อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากอัตราส่วนผลกำไรที่ค่อนข้างต่ำโดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจการค้า รวมทั้งจากภาระหนี้ที่คาดว่าจะสูงขึ้นจากโครงการให้บริการสลากออนไลน์ และความผันผวนของรายได้ที่มาจากงานโครงการต่างๆ
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนสถานะทางการเงินที่ค่อนข้างอ่อนแอของบริษัทเมื่อเทียบกับระดับของอันดับเครดิตที่ได้รับ โดยบริษัทมีโอกาสที่จะถูกลดอันดับเครดิตหากไม่สามารถปรับปรุงผลประกอบการให้ดีขึ้นภายใน 9-12 เดือนข้างหน้า
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทล็อกซ์เล่ย์เป็นผู้ประกอบธุรกิจโฮลดิ้งซึ่งจำแนกธุรกิจหลักออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี และกลุ่มธุรกิจการค้า โดยกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีแบ่งออกเป็น 5 สายธุรกิจ ได้แก่ เทคโนโลยีสารสนเทศ โครงสร้างพื้นฐาน สื่อสารโทรคมนาคม อิเล็กทรอนิกส์เพื่อการอุปโภคและบริโภค และการพิมพ์ ส่วนกลุ่มธุรกิจการค้านั้นจะเกี่ยวข้องกับเคมีภัณฑ์ สินค้าอุปโภคและบริโภค และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ตลอดระยะกว่า 60 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้วางรากฐานและรักษาสัมพันธภาพที่ดีทั้งกับลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายซึ่งช่วยเสริมความสามารถในการแข่งขันให้แก่บริษัทในการประมูลงานโครงการต่างๆ โดยบริษัทมีจุดแข็งที่สำคัญคือความชำนาญและประสบการณ์ของคณะผู้บริหารและพนักงาน โดยเฉพาะพนักงานที่มีความสามารถทั้งในด้านเทคนิคและวิศวกรรมซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทล็อกซ์เล่ย์ได้แก่หน่วยงานภาครัฐและบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ โดยลักษณะงานส่วนใหญ่ของกลุ่มลูกค้าภาครัฐเป็นงานประมูล ดังนั้น กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทบางส่วนจึงขึ้นอยู่กับผลสำเร็จของการประมูลงานและความสามารถในการบริหารโครงการ ส่วนรายได้จากการขายสินค้าและบริการซึ่งส่วนใหญ่มาจากกลุ่มธุรกิจการค้า ตลอดจนธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการอุปโภคและบริโภค และบริการหลังการรับเหมาติดตั้งโครงการ (Turnkey Project) เริ่มแสดงสัญญาณการฟื้นตัวมาตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา โดยเพิ่มจาก 4,476 ล้านบาทในปี 2543 เป็นประมาณ 5,993 ล้านบาทในปี 2546 6,453 ล้านบาทในปี 2547 และ 3,116 ล้านบาทสำหรับ 6 เดือนแรกของปี 2548 โดยสัดส่วนของรายได้จากการขายสินค้าและบริการอยู่ที่ 64%-65% ในปี 2547 และ 6 เดือนแรกของปี 2548 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจดังกล่าวยังอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรง นอกจากนี้ในปี 2547 และ 9 เดือนแรกของปี 2548 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนรวมรายได้จากเงินปันผลได้ตกลงไปอยู่ที่ระดับ -0.05% และ -5.16% ตามลำดับจากผลประกอบการในกลุ่มธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการอุปโภคและบริโภคที่ตกต่ำลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดขายจากสินค้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัทเองในปี 2547-2548 รวมถึงจากโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดของบริษัทที่มีค่าใช้จ่ายถึง 65 ล้านบาท และจากการตั้งสำรองด้อยค่าจากการลงทุนจำนวน 179 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2548
ทริสเรทติ้งยังกล่าวต่อไปว่า นอกเหนือจากธุรกิจหลักแล้ว กระแสเงินสดส่วนใหญ่ของบริษัทล็อกซ์เล่ย์ยังมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้อื่น ตลอดจนเงินสดรับจากเงินปันผลที่บริษัทได้ลงทุนไว้ บริษัทได้รับเงินปันผลอย่างต่อเนื่องจากการลงทุนในระยะยาวในบริษัทหลายแห่ง เช่น บริษัท แอสแพค ออยล์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บีเอชพี สตีล ไลสาจท์ (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท ไทยไฟเบอร์ออพติคส์ จำกัด บริษัท ล็อกซ์เล่ย์ เทรดดิ้ง จำกัด และ บริษัท น้ำหวานลาว จำกัด เป็นต้น บริษัทหลักที่จ่ายเงินปันผลคือบริษัทแอสแพค ออยล์ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นยี่ห้อ “คาสตรอล” และ “บีพี” โดยได้จ่ายเงินปันผลจำนวน 180.3 ล้านบาทให้แก่บริษัทในปี 2547 และ 94.1 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2548 หนี้สินของบริษัทได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงเกินกว่า 100% ในปี 2543 มาอยู่ในระดับที่น่าพอใจที่ 38%-43% ในระหว่างปี 2546-2547 และ 9 เดือนแรกของปี 2548 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทคาดว่าจะสูงขึ้นในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าเนื่องจาก บริษัท ล็อกซ์เล่ย์ จีเท็ค เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกมีแผนจะกู้เงินจากธนาคารโดยมีโครงสร้างเป็นแบบสินเชื่อโครงการ (Project Finance) เพื่อใช้ในโครงการสลากออนไลน์มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะนำกระแสเงินสดจากโครงการสลากออนไลน์มาชำระคืนหนี้ในส่วนนี้ทั้งหมด--จบ--

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version