กรุงเทพฯ--24 ก.ค.--ปภ.
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสงคราม จัดโครงการฝึกอบรมหนึ่งตำบลหนึ่งทีมกู้ชีพกู้ภัย (ONE TAMBON ONE SEARCH AND RESCUE TEAM : OTOS)ระยะที่ ๓ รุ่นที่ ๕ ในระหว่างวันที่ ๒๕-๒๙ ส.ค. ๕๑ ณ ค่ายหลวงบ้านไร่ ตำบลคลองตาคต อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งมีทีมกู้ชีพกู้ภัยที่มีความรู้ ความชำนาญ ทักษะในการค้นหาช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ จุดเกิดเหตุได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพตามหลักวิชาการ
นายฉัตรชัย ทองแป้น หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ประสบภัยเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บรุนแรงมากขึ้น เกิดจากการให้ความช่วยเหลือเป็นไปด้วยความล่าช้าและไม่ถูกวิธี เพื่อเป็นการลดความสูญเสียจากสาเหตุดังกล่าว กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย ได้กำหนดนโยบายให้ทุกตำบลมีทีมกู้ชีพกู้ภัยที่มีความรู้ความชำนาญด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเป็นหน่วยเผชิญเหตุที่สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ จุดเกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ดังนั้น สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสงคราม จึงได้จัดโครงการอบรมหลักสูตรหนึ่งตำบลหนึ่งทีมกู้ชีพกู้ภัย (ONE TAMBON ONE SEARCH AND RESCUE TEAM : OTOS) ระยะที่ ๓ รุ่นที่ ๕ ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๑ ณ ค่ายหลวงบ้านไร่ ตำบลคลองตาคต อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ให้กับประชาชนในเขตพื้นที่องค์การบริการส่วนตำบลบางกระบือ องค์การบริหารส่วนตำบลยี่สาร องค์การบริหารส่วนตำบลแควอ้อม องค์การบริหารส่วนตำบลบางแค และองค์การบริหารส่วนตำบลเหมืองใหม่ รวมจำนวน ๕๐ คน เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีทีมกู้ภัยประจำตำบล ซึ่งทำหน้าที่ค้นหา ช่วยเหลือ สนับสนุนการเผชิญเหตุในสถานการณ์วิกฤตของจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ รวมถึงมีความรู้ ความสามารถ ทักษะในการค้นหา ความเข้าใจในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วทันเหตุการณ์ และมีประสิทธิภาพ สามารถนำผู้ประสบเหตุส่งสถานบริการสาธารณสุขได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ซึ่งจะช่วยลด ความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของผู้ประสบภัยจากการช่วยเหลือที่ล่าช้าและไม่ถูกวิธี สุดท้ายนี้ หากประชาชนจังหวัดสมุทรสงครามได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย และต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ที่สำนักงาน ปภ.จังหวัดสมุทรสงคราม หรือสายด่วนสาธารณภัย ๑๗๘๔ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง เพื่อประสานและให้ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป