กรุงเทพฯ--28 ก.ค.--ซีพีเอฟ
นายเรวัติ หทัยสัตยพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการผู้จัดการอาวุโส บริษัท กรุงเทพผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่าภาวะราคาไข่ที่ตกต่ำในขณะนี้ เป็นผลมาจากการที่ฟาร์มต่างๆ ได้พัฒนาการเลี้ยง ตั้งแต่คุณภาพสายพันธุ์-โรงเรือนปรับอากาศ ตลอดจนการจัดการด้านต่างๆส่งผลให้มีปริมาณผลผลิตเกินกว่าความต้องการบริโภคที่มีอยู่ในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน ต้นทุนการผลิตไข่ไก่ก็ได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์จากการที่วัตถุดิบอาหารสัตว์ อาทิ ข้าวโพดอาหารสัตว์ และกากถั่วเหลือง ถูกแย่งไปผลิตเป็นพลังงานทดแทน เพื่อบรรเทาภาวะราคาน้ำมันแพง เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเศรษฐกิจไทยก็ซบเซา ประชาชนลดการจับจ่ายใช้สอย ทำให้อัตราการบริโภคไข่ไก่ที่เคยน้อยอยู่แล้วกลับลดลงไปอีก
“เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ต้องประสบกับภาวะการขาดทุนอย่างถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นฟาร์มขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ ดังนั้น เพื่อให้ปัญหาของอุตสาหกรรมนี้สามารถคลี่คลายได้ จึงจำเป็นที่ทุกคนในอุตสาหกรรมนี้จะต้องพร้อมใจกันแก้ปัญหาร่วมกัน ขณะเดียวกันคนไทยทุกคน ก็สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ ในแง่ของการช่วยกันบริโภคไข่ไก่ให้มากขึ้น ซึ่งนอกจากไข่จะเป็นโปรตีนราคาถูกที่ประเทศไทยผลิตได้อย่างเพียงพอแล้ว ยังเป็นวิธีช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยที่ง่ายที่สุดและได้ผลเร็วที่สุดด้วย”นายเรวัติกล่าวและว่า
ซีพีเอฟในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมไก่ไข่ ได้แบ่งเบาปัญหาไข่ไก่ล้นตลาดของภาคอุตสาหกรรมด้วยการส่งออกไข่ไก่ส่วนเกินไปยังฮ่องกงและแอฟริกาใต้ ในจำนวนมากถึง 60% ของปริมาณไข่ไก่ส่งออกทั้งหมด ซึ่งการส่งออกแต่ละครั้งผู้ส่งออกจะต้องขาดทุนฟองละ 0.50 - 01.00 บาท โดยในครึ่งปีแรกของปี 2551 ที่ผ่านมา ไทยมีตัวเลขส่งออกไข่ไก่แล้ว 188 ล้านฟอง และคาดว่าทั้งปี 2551 จะมีการส่งออกรวม 300 ล้านฟอง นอกจากนี้ซีพีเอฟยังทำการซื้อไข่ไก่ส่วนเกินในท้องตลาดอีกจำนวนหนึ่งเพื่อนำเข้าไปใช้ในโรงงานแปรรูปไข่ผง ขณะที่ไข่ไก่ของบริษัทเอง ก็ได้นำไปดำเนินการในรูปแบบของ Pack Brand ตราซีพี เพื่อจับตลาดผู้บริโภคอีกกลุ่มหนึ่ง
สำนักสื่อสารและประชาสัมพันธ์ CPF
โทร. 0-2625-7344-5