รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนมิถุนายน และไตรมาสที่ 2 ปี 2551

อังคาร ๒๙ กรกฎาคม ๒๐๐๘ ๑๖:๑๓
กรุงเทพฯ--29 ก.ค.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้แถลงข่าวรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนมิถุนายน และไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 ว่า เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ดี โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากอุปสงค์จากต่างประเทศสุทธิผ่านการส่งออกที่ขยายตัวได้ในระดับสูง ในขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศจากการบริโภคและการลงทุนยังคงขยายตัวต่อเนื่อง แม้ว่าการลงทุนเริ่มมีทิศทางการขยายตัวที่ชะลอลง อันเป็นผลมาจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมือง ประกอบกับต้นทุนผู้ประกอบการที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี แต่เสถียรภาพภายในประเทศยังคงมีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับต่อสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
1. การบริโภคภาคเอกชนในเดือนมิถุนายน และไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 ยังคงขยายตัวได้ดี โดยเครื่องชี้การบริโภคจากภาษีมูลค่าเพิ่ม (ณ ราคาคงที่) ขยายตัวร้อยละ 7.6 ต่อปี ในเดือนมิถุนายน ส่งผลให้ช่วงไตรมาสที่ 2 ขยายตัวได้ร้อยละ 9.4 ต่อปี สอดคล้องกับเครื่องชี้การบริโภคจากปริมาณการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่ยังคงขยายตัวได้ดีถึงร้อยละ 34.2 ต่อปี และร้อยละ 28.4 ต่อปี ในเดือนมิถุนายน และไตรมาสที่ 2 ตามลำดับ เช่นเดียวกันกับเครื่องชี้การบริโภคด้านสินค้าคงทนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งที่ขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 29.3 ต่อปี ในเดือนมิถุนายนและร้อยละ 24.8 ต่อปีในไตรมาสที่ 2 นอกจากนี้ ยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยังคงขยายตัวสูงขึ้นที่ร้อยละ 7.1 ต่อปี ในเดือนมิถุนายน และร้อยละ 5.4 ต่อปี ในไตรมาสที่ 2 เร่งตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 3.0 ต่อปี เนื่องจากรายได้ประชาชนในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้นตามรายได้เกษตรกรที่สูงขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นเครื่องชี้แนวโน้มการบริโภคในอนาคตปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 71.9 จุด จากระดับ 72.5 จุด ในไตรมาสแรกของปี 2551 เนื่องจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองและราคาน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
2. การลงทุนภาคเอกชนในเดือนมิถุนายน และไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง แต่มีสัญญาณชะลอตัวลงจากไตรมาสที่ 1 ของปี 2551 โดยเฉพาะเครื่องชี้การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุนที่ขยายตัวร้อยละ 8.4 ต่อปี ในเดือนมิถุนายน และร้อยละ 10.1 ต่อปีในไตรมาสที่ 2 ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 31.3 ต่อปี สอดคล้องกับเครื่องชี้การลงทุนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในเดือนมิถุนายน และไตรมาส 2 ที่กลับมาหดตัวร้อยละ -20.9 ต่อปี และร้อยละ -5.6 ต่อปี ตามลำดับ โดยเป็นการหดตัวของรถบรรทุกและรถปิคอัพ ซึ่งสะท้อนถึงภาพรวมการลงทุนภาคเอกชนเริ่มมีสัญญาณการชะลอตัว อย่างไรก็ตาม เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนด้านการก่อสร้างที่วัดจากภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ยังคงขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 25.9 ต่อปี และร้อยละ 29.3 ต่อปี ในเดือนมิถุนายนและในไตรมาสที่ 2 ตามลำดับ อันเป็นผลจากมาตรการลดหย่อนภาษีอสังหาริมทรัพย์เพื่อสนับสนุนธุรกรรมในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสอดคล้องกับยอดขายปูนซีเมนต์ที่กลับมาขยายตัวเป็นบวกเป็นครั้งแรกที่ร้อยละ 3.5 ต่อปีในเดือนพฤษภาคม หลังจากที่หดตัวต่อเนื่องมาโดยตลอดในช่วง 17 เดือนที่ผ่านมา
3. เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจด้านการคลังในเดือนมิถุนายน และไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 พบว่ารายได้จัดเก็บภาษีของรัฐบาลจาก 3 กรมจัดเก็บยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยขยายตัวร้อยละ 3.7 ต่อปีในเดือนมิถุนายน และร้อยละ 12.1 ต่อปีในไตรมาสที่ 2 ซึ่งสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้ รายได้จัดเก็บจากภาษีฐานรายได้ขยายตัวร้อยละ 3.7 ต่อปีในเดือนมิถุนายน และขยายตัวที่ร้อยละ 16.2 ต่อปีในไตรมาสที่ 2 สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 12.2 ต่อปี สะท้อนถึงรายได้ของประชาชนและผู้ประกอบการที่ยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดี ในด้านภาษีฐานการบริโภคขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 16.0 และร้อยละ 15.8 ต่อปีในเดือนมิถุนายนและไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 ตามลำดับ เนื่องจากระดับราคาสินค้าที่สูงขึ้นประกอบกับการบริโภคยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง สำหรับรายจ่ายงบประมาณในเดือนมิถุนายน และไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 สามารถเบิกจ่ายได้รวมทั้งสิ้น 143.2 พันล้านบาท และ 424.6 พันล้านบาท ตามลำดับ ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2551 (เดือนตุลาคม 2550 — มิถุนายน 2551) เบิกจ่ายได้ 1,220.1 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 5.7 ต่อปี แบ่งออกเป็นรายจ่ายงบประมาณจำนวน 1,134.0 พันล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 68.3 ของกรอบวงเงินงบประมาณปีงบประมาณ 2551 (1,660 พันล้านบาท) และรายจ่ายเหลื่อมปีจำนวน 86.0 พันล้านบาท ทั้งนี้ กระทรวงการคลังคาดว่า การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2551 จะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่ร้อยละ 94.0 ของกรอบวงเงินงบประมาณปีงบประมาณ 2551 ซึ่งสะท้อนบทบาทภาคการคลังในช่วงที่การใช้จ่ายภาคเอกชนยังไม่สามารถฟื้นตัวเต็มที่
4. การส่งออกในเดือนมิถุนายน และไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 ขยายตัวได้ในระดับสูงมาก โดยมูลค่าการส่งออกในเดือนมิถุนายน และในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 16.3 และ 45.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ หรือขยายตัวที่ร้อยละ 27.4 ต่อปี และร้อยละ 25.2 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับสาเหตุหลักที่มูลค่าการส่งออกยังขยายตัวได้ดี เป็นผลจากราคาสินค้าส่งออกที่ปรับตัวสูงขึ้นถึงร้อยละ 14.3 ต่อปีในเดือนมิถุนายน และร้อยละ 12.5 ต่อปีในไตรมาสที่ 2 โดยเฉพาะราคาสินค้าส่งออกหมวดเกษตรกรรมที่ขยายตัวร้อยละ 45.8 ต่อปีในไตรมาส 2 ในขณะที่ปริมาณสินค้าส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ร้อยละ 11.5 ต่อปี ในเดือนมิถุนายน และร้อยละ 11.3 ต่อปี ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 10.0 ต่อปี โดยส่วนใหญ่เป็นการขยายตัวในตลาดส่งออกใหม่ เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน สิงค์โปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง เป็นต้น สำหรับการนำเข้าในเดือนมิถุนายน และไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 ปรับตัวสูงขึ้นมากจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเป็นหลัก ในขณะที่ปริมาณการนำเข้าขยายตัวชะลอลงตามการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยการนำเข้าในเดือนมิถุนายน และไตรมาสที่ 2 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 15.6 และ 45.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวถึงร้อยละ 30.7 ต่อปี และร้อยละ 29.7 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับดุลการค้าในเดือนมิถุนายนเกินดุลที่ 0.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ดุลการค้าในไตรมาสที่ 2 กลับมาเกินดุลการค้าเล็กน้อยที่ 0.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับการขาดดุลการค้าในไตรมาสที่ 1 จำนวน -1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
5. สำหรับเครื่องชี้ในด้านอุปทานในเดือนมิถุนายน และไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 พบว่า ผลผลิตภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการจากการท่องเที่ยวขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง โดยเครื่องชี้ภาคการเกษตรยังคงขยายตัวได้ดีโดยเฉพาะดัชนีราคาสินค้าเกษตรที่ขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 36.4 ต่อปี และร้อยละ 38.2 ต่อปี ในเดือนมิถุนายน และไตรมาสที่ 2 ตามลำดับ ในขณะที่ผลผลิตสินค้าเกษตรในเดือนมิถุนายน และไตรมาสที่ 2 ปี 2551 ยังคงขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 9.5 ต่อปี และ 8.5 ต่อปีตามลำดับ ในขณะที่ภาคบริการจากการท่องเที่ยวที่ยังคงขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 1.2 ล้านคน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 3.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.7 ต่อปีในเดือนมิถุนายน และร้อยละ 14.9 ต่อปีในไตรมาสที่ 2 โดยจำนวนนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอาเซียน ยุโรปและอเมริกาสามารถขยายตัวในอัตราสูง ส่วนเครื่องชี้เศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมพบว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เบื้องต้น) ในเดือนมิถุนายน และในไตรมาสที่ 2 ขยายตัวร้อยละ 8.7 ต่อปี และร้อยละ 9.4 ต่อปี ตามลำดับ โดยได้รับแรงสนับสนุนหลักจากอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อส่งออก เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ที่ยังขยายตัวได้ดี
6. เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยในด้านเสถียรภาพภายนอกนั้น ทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2551 อยู่ที่ 105.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นเกินกว่า 4 เท่า แต่เสถียรภาพในประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมิถุนายนและไตรมาสที่ 2 ปี 2551 อยู่ที่ร้อยละ 8.9 ต่อปี และร้อยละ 7.6 ต่อปี ตามลำดับ เนื่องจากราคาน้ำมันและราคาสินค้าในหมวดอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้น สำหรับอัตราการว่างงานใน 2 เดือนแรกของไตรมาสที่ 2 ปี 2551 ทรงตัวในระดับต่ำที่ร้อยละ 1.5 ต่อปี สำหรับสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ณ เดือนพฤษภาคม 2551 อยู่ที่ร้อยละ 36.1 ซึ่งยังคงต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ร้อยละ 50.0 ของ GDP ค่อนข้างมาก

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version