ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ใหม่ “ธ. เกียรตินาคิน” ที่ระดับ “A-/Stable”

พฤหัส ๐๗ สิงหาคม ๒๐๐๘ ๐๘:๓๐
กรุงเทพฯ--7 ส.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ในขณะเดียวกันยังประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของธนาคารที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานภาพการเป็นธนาคารเพื่อรายย่อยที่ได้รับการยอมรับ คณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และความสามารถในการทำกำไร ทั้งนี้ ธนาคารมีความสามารถในการขยายฐานธุรกิจเพื่อทดแทนธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ลดขนาดลงเรื่อยๆ โดยเห็นได้จากอัตราการเติบโตของสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ธนาคารยังมีเงินทุนสำรองในระดับที่แข็งแกร่งพอที่จะช่วยรองรับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงปัจจัยแวดล้อมในธุรกิจธนาคารพาณิชย์และการถดถอยของคุณภาพสินทรัพย์ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดจากปัญหาคุณภาพสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก รวมทั้งจากสถานภาพการเป็นธนาคารขนาดเล็กซึ่งมีเครือข่ายสาขาน้อยกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อันอาจมีผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของธนาคารในระยะยาว ภายใต้การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมธนาคารเพื่อรายย่อย ประกอบกับการมีฐานลูกค้าในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอาจส่งผลให้ธนาคารมีความอ่อนไหวต่อการขยายธุรกิจและการทำกำไรในอนาคต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่าธนาคารเกียรตินาคินจะสามารถรักษาระดับการทำกำไรภายใต้ภาวะแวดล้อมที่ผันผวนของธุรกิจการเงินซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบต่อไปอีกระยะหนึ่ง ประกอบกับธนาคารน่าจะมีความสามารถในการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ให้ดีขึ้นในอนาคตจากการที่ธนาคารมีนโยบายจะขยายธุรกิจสู่ฐานลูกค้าที่มีประวัติคุณภาพสินทรัพย์ในระดับดี แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถในการดำรงเงินทุนที่เพียงพอจะรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลดมูลค่าสินทรัพย์จากผลของภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนด้วย อย่างไรก็ตาม หากคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญก็อาจส่งผลกระทบในทางลบต่อแนวโน้มหรืออันดับเครดิตของธนาคารได้
ทริสเรทติ้งรายงานว่า จากการที่ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและสินทรัพย์รอการขายของธนาคารเกียรตินาคินจะทยอยลดขนาดลงจนหมดภายใน 2-7 ปีข้างหน้า ผู้บริหารของธนาคารจึงได้หันมาเน้นการเพิ่มสินทรัพย์โดยดำเนินธุรกิจให้กู้ยืมที่ให้ผลตอบแทนสูง อาทิ สินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551 สินเชื่อของธนาคารเติบโต 8.7% จากสิ้นเดือนธันวาคม 2550 อันเป็นผลมาจากการขยายตัวของสินเชื่อเช่าซื้อเป็นสำคัญซึ่งคิดเป็น 68% ของสินเชื่อทั้งหมด หรือ 50% ของสินทรัพย์ทั้งหมด ธนาคารมีนโยบายควบคุมสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ซึ่งทำให้สินเชื่อดังกล่าวลดลงประมาณ 1,600 ล้านบาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2551 ซึ่งสัดส่วนสินเชื่อดังกล่าวคิดเป็น 18% ของสินเชื่อทั้งหมด หรือ 13% ของสินทรัพย์ทั้งหมด ธุรกิจหลักทั้ง 3 ประเภทของธนาคาร (การลงทุนและการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ สินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์) ช่วยสร้างรายได้และคงอัตราผลตอบแทนในระดับสูงให้แก่ธนาคาร ธนาคารมีอัตราส่วนสินเชื่อจัดชั้นที่ค้างชำระเกิน 3 เดือน (ชั้นปกติ ชั้นสงสัย และชั้นสงสัยจะสูญ) ต่อสินเชื่อรวมลดลงจากระดับ 12.3% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2550 เป็น 10.6% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวนับว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ระดับ 8.62% ของธนาคารพาณิชย์ไทยทั้ง 12 แห่งในช่วงเดียวกัน
สินทรัพย์ของธนาคารเกียรตินาคินได้รับผลกระทบจากสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ โดยธนาคารมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในสัดส่วนที่สูงมากถึง 65% ของฐานสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ทั้งหมด (5,000 ล้านบาทจากทั้งหมด 7,700 ล้านบาทเมื่อสิ้นเดือนมีนาคม 2551) ธนาคารมีอัตราสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อจัดชั้นที่ค้างชำระเกิน 3 เดือน ยอดคงค้างสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้ และสินทรัพย์รอการขาย) คิดเป็น 0.87 เท่าของเงินกองทุนและค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของธนาคาร ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยทั้ง 12 แห่ง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551 อยู่ที่ระดับ 0.81 เท่า การมีนโยบายปล่อยสินเชื่อแก่กลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อผลตอบแทนที่สูงโดยเฉพาะสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์นั้นเนื่องจากธนาคารมีความจำเป็นจะต้องดำรงเงินกองทุนที่แข็งแกร่งและตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้สูงเพียงพอที่จะบรรเทาความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551 ธนาคารมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับ 15.4% ทริสเรทติ้งกล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ