กรุงเทพฯ--22 ส.ค.--พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง
อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น (NYSE: EMC) ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นการจัดการข้อมูล รายงานผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่สองของปี 2551 ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นในอัตราเลขสองหลักในช่วง 20 ไตรมาสติดต่อกัน ทั้งยังมีรายได้ที่สมดุลกัน กล่าวคือ รายได้เพิ่มขึ้นในอัตราเลขสองหลัก ทั้งในส่วนของระบบฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ ในทุกเซกเมนต์ของตลาดและในทุกภูมิภาค รายได้โดยรวมทั้งหมดของ อีเอ็มซี สำหรับไตรมาสที่สองของปีนี้ อยู่ที่ 3,670 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สองของปีที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ 3,120 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้กำไรสุทธิตามหลักการบัญชี GAAP ในช่วงไตรมาสที่สองอยู่ที่ 377.5 ล้านดอลลาร์ หรือหุ้นละ 0.18 ดอลลาร์ ส่วนกำไรสุทธิแบบ Non-GAAP ในช่วงไตรมาสที่สอง ซึ่งไม่รวมการจ่ายค่าชดเชยด้วยหุ้นและการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ อยู่ที่ 511.7 ล้านดอลลาร์ หรือหุ้นละ 0.24 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับกำไรต่อหุ้นแบบ Non-GAAP ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่หุ้นละ 0.20 ดอลลาร์
มร.โจ ทุซซี่ ประธานบริษัท ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของอีเอ็มซี กล่าวว่า “ในช่วงไตรมาสที่สอง อีเอ็มซี มีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ ผมรู้สึกภูมิใจที่เรามีรายได้เติบโตในอัตราเลขสองหลัก 20 ไตรมาสติดต่อกัน นั่นเท่ากับครึ่งทศวรรษเลยทีเดียว มีไม่กี่บริษัทหรอกที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับบริษัทของเรา และมีผลประกอบการที่ดีเยี่ยมขนาดนี้ เรามุ่งเน้นทางด้านการพัฒนาการบริหารจัดการข้อมูล และจัดสรรโครงสร้างพื้นฐานแบบเวอร์ช่วล ซึ่งให้ผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันผลประกอบการที่แข็งแกร่งของเรา รวมถึงรูปแบบธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และความได้เปรียบด้านการแข่งขันของเรา”
มร. ทุซซี่ กล่าวเสริมว่า “ถึงแม้ว่าปัจจุบันเศรษฐกิจในระดับมหภาคอยู่ในสภาวะไม่แน่นอน แต่เราเชื่อว่าการลงทุนใช้จ่ายในเทคโนโลยีและโซลูชั่นสำหรับทางด้านการพัฒนาการบริหารจัดการข้อมูล และจัดสรรโครงสร้างพื้นฐานแบบเวอร์ช่วล จะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผลมาจากความจำเป็นในการจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาลอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และประหยัดค่าใช้จ่าย ความท้าทายในเรื่องการรับมือกับข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องนี้ก่อให้เกิดความต้องการที่เร่งด่วน ซึ่งอีเอ็มซีสามารถตอบสนองความต้องการดังกล่าวได้อย่างเหมาะสม โดยอาศัยบุคลากร เทคโนโลยี บริการ และคู่ค้าที่เรามีอยู่”
ทั้งนี้ในแง่ของภูมิศาสตร์ รายได้จากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนรายได้จากการดำเนินงานนอกสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคิดเป็นสัดส่วน 48% ของรายได้โดยรวมในช่วงไตรมาสที่สอง ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้รายได้ของอีเอ็มซีจากภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เพิ่มขึ้น 27% ในขณะที่รายได้จากเอเชีย-แปซิฟิกและญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 27% และรายได้จากละตินอเมริกา เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
มร. เดวิด กูลเด้น รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของอีเอ็มซี กล่าวว่า “ผมรู้สึกพึงพอใจอย่างมากกับการดำเนินงานและผลประกอบการที่มั่นคงของ อีเอ็มซี ในช่วงไตรมาสที่สอง รายได้และกำไรของเราเติบโตอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อสิ้นสุดไตรมาส เรามีเงินสดและเงินลงทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 8,100 ล้านดอลลาร์ ในฐานะหนึ่งในบริษัทไอทีที่น่าเชื่อถือมากที่สุด เราเชื่อว่าบริษัทของเรามีกลยุทธ์และการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะทำให้เราประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง”
เหตุการณ์สำคัญในช่วงไตรมาสที่สอง
ธุรกิจการจัดเก็บข้อมูล (Storage) ของ อีเอ็มซี ซึ่งประกอบด้วยระบบสตอเรจ ซอฟต์แวร์การจัดเก็บข้อมูล รวมถึงบริการลูกค้าทั่วไป และบริการระดับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ มีรายได้ 2,870 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว การเติบโตของธุรกิจการจัดเก็บข้อมูลเป็นผลมาจากความต้องการที่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซลูชั่นสตอเรจบนเครือข่ายไอพีของอีเอ็มซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงระบบสตอเรจขนาดกลางของ อีเอ็มซี ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายไอพี และบริการที่ปรึกษาและบริการติดตั้งของบริษัทฯ สำหรับตลาดระดับไฮเอนด์นั้น รายได้จากผลิตภัณฑ์สตอเรจ EMC Symmetrix เพิ่มขึ้น 10% โดยเป็นผลมาจากการที่ลูกค้ามีความต้องการอย่างต่อเนื่องในการผนวกรวมระบบภายในองค์กรขนาดใหญ่ พร้อมทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน
สำหรับตลาดระดับกลางนั้น รายได้จากผลิตภัณฑ์สตอเรจแบบเชื่อมต่อเครือข่าย EMC Celerra ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว และในช่วงไตรมาสที่สองนี้ ธุรกิจของอีเอ็มซี ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีและฟีเจอร์ที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งได้รับการเปิดตัวในช่วงปีนี้ เช่น ไดรฟ์แบบโซลิดสเตท (Solid State) ซึ่งใช้หน่วยความจำแฟลช (Flash memory) นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีการจัดสรรแบบเวอร์ช่วล ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการจัดสรรพื้นที่สตอเรจและเพิ่มขีดความสามารถในการใช้ประโยชน์จากระบบ และมีเทคโนโลยีการขจัดข้อมูลซ้ำซ้อน (Data De-duplication) สำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพในการแบ็คอัพข้อมูล
ธุรกิจการจัดการคอนเทนต์และการจัดเก็บข้อมูลระยะยาว (Archiving) ของอีเอ็มซี มีรายได้เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว โดยอยู่ที่ 204 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่ลูกค้าเลือกใช้โซลูชั่นของ อีเอ็มซี เพื่อจัดการคอนเทนต์ธุรกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการประสานงานร่วมกัน การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และการบริหารความเสี่ยง รวมทั้งปรับปรุงระบบงานธุรกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
ล่าสุด อีเอ็มซี ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม Documentum 6.5 ซึ่งประกอบด้วยความสามารถขั้นสูงในการจัดการคอนเทนต์ภายในองค์กร (Enterprise Content Management - ECM) พร้อมด้วยความสะดวกในการใช้งานแอพพลิเคชั่นเว็บ 2.0 (Web 2.0) และการลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง Documentum 6.5 ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น เว็บ 2.0 รวมทั้งปรับปรุงแอพพลิเคชั่นทางด้านคอนเทนต์ที่มีอยู่ และเพิ่มขีดความสามารถในด้านต่างๆ ด้วยแพลตฟอร์ม ECM ที่ปลอดภัย และปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ขณะที่ รายได้จาก อาร์เอสเอ (RSA) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจรักษาความปลอดภัยของ อีเอ็มซี เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยยอดรายได้อยู่ที่ 144 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้เป็นผลมาจากความแข็งแกร่งของ อีเอ็มซี ในด้านต่างๆ เช่น การป้องกันข้อมูลสูญหาย (Data Loss Prevention - DLP), การปกป้องและตรวจสอบตัวตนผู้ใช้ และการจัดการข้อมูลและเหตุการณ์ความปลอดภัย โดยในช่วงไตรมาสที่สอง กลุ่มธุรกิจนี้ได้พัฒนาปรับปรุงชุดผลิตภัณฑ์ DLP อย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้เพิ่มเติมความสามารถใหม่ๆ ที่สำคัญ และเปิดตัวโซลูชั่นการรับรองตัวตนผู้ใช้ (Identity Assurance) อย่างครบวงจร เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับระบบและเข้าถึงข้อมูลได้โดยอิสระและปลอดภัย
ทั้งนี้การเพิ่มเติมความสามารถดังกล่าวรองรับกลยุทธ์ของ อีเอ็มซี ในการจัดการความเสี่ยงด้านข้อมูล ซึ่งทำให้ลูกค้ารับทราบ ประเมิน และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับข้อมูลในทุกขั้นตอนของวงจรการใช้งานข้อมูล องค์กรต่างๆ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการด้านการรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจรของอาร์เอสเออย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการสำคัญๆ ในเรื่องการคุ้มครองข้อมูล การจัดการข้อมูลความปลอดภัย และการป้องกันข้อมูลสูญหายอย่างรอบด้านและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ วีเอ็มแวร์ (NYSE: VMW) ซึ่งอีเอ็มซีเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ มีรายได้ 453 ล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสที่สอง เพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ วีเอ็มแวร์ เป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชั่นสำหรับระบบเวอร์ช่วลไลเซชั่น (Virtualization) โดยครอบคลุมตั้งแต่เดสก์ทอปไปจนถึงดาต้าเซ็นเตอร์ และองค์กรทุกขนาดไว้วางใจในเทคโนโลยีของ วีเอ็มแวร์ สำหรับการลดค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน การรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินงาน การเสริมสร้างระบบรักษาความปลอดภัย และการประหยัดพลังงาน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลประกอบการในไตรมาสที่สอง ของผู้นำด้านซอฟต์แวร์เวอร์ช่วลไลเซชั่น (Virtualization software) โปรดเยี่ยมที่ http://ir.vmware.com
ข้อมูลเกี่ยวกับอีเอ็มซี
อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น (NYSE: EMC) เป็นผู้นำระดับโลกในด้านการพัฒนาและจัดหาโซลูชั่นและเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งช่วยให้องค์กรทุกขนาดปรับปรุงขีดความสามารถในการแข่งขันและใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าจากข้อมูลที่มีอยู่ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของอีเอ็มซี คลิกไปที่ www.thailand.emc.com
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
เพลินพิศ ศรีบุรินทร์ (หน่อย) 089 160 6185, อัญชลี ตันสกุล (เล็ก) 081 333 9345
บริษัท พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง จำกัด Tel: 0-2971-3711 Fax: 0-2521-9030
Email: [email protected], [email protected]