นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่ากลยุทธ์การลงทุนในครึ่งปีหลังของ กบข. นั้นจำเป็นต้องพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบและระมัดระวังเช่นเดียวกับที่ผ่านมา โดย กบข. ยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นหลักและติดตามสถานการณ์ตลาดการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด โดย กบข. อาจมีการชะลอการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่บางประเภทออกไปก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดโลกขณะนี้
ทั้งนี้ ในส่วนของตลาดหุ้นในประเทศปัจุบันมีสัดส่วนการลงทุนร้อยละ11 ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศอยู่ระหว่างการรอเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในจังหวะที่เหมาะสมและในช่วงนี้ กบข. เน้นการถือครองหรือลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ทั้งตราสารหนี้และเงินสดโดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุสั้นและหากมีแนวโน้มทิศทางของอัตราดอกเบี้ยหยุดการปรับตัวขึ้นก็จะเพิ่มอายุเฉลี่ยของการลงทุนในตราสารหนี้ให้ยาวขึ้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่เฉลี่ย 2.4 ปี นอกจากนี้ หากสถานการณ์ในตลาดหุ้นโลกโดยรวมชัดเจนขึ้น ก็จะเริ่มทยอยกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทใหม่ๆ ได้แก่ นิติบุคคลเอกชนต่างประเทศ และอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ ตามการจัดสรรการลงทุนระยะยาวเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ
สำหรับสัดส่วนการลงทุนของ กบข. ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2551 มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศร้อยละ 69.70 ตราสารทุนในประเทศร้อยละ10.27 ตราสารหนี้ต่างประเทศร้อยละ 4.08 ตราสารทุนต่างประเทศร้อยละ 8.36 อสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 3.88 และการลงทุนทางเลือกร้อยละ 3.71
นอกจากนี้ นายวิสิฐยังได้กล่าวเสริมว่า “ถึงแม้ในระยะสั้นปีนี้ผลตอบแทนจากการลงทุนของ กบข. จะปรับตัวลดลงไปบ้าง แต่ในแง่ผลการดำเนินงานในระยะยาวยังคงยึดหลักการกระจายความเสี่ยงการลงทุน เพื่อผลักดันให้ผลตอบแทนเป็นไปตามเป้าหมายของคณะกรรมการลงทุน ซึ่งมีการกำหนดกรอบและนโยบายการลงทุน รวมทั้งมีการป้องกันความเสี่ยงตามหลักมาตรฐานสากล”
เลขาธิการคณะกรรมการ กบข. กล่าวย้ำว่า หากเรามองผลตอบแทนระยะสั้น แน่นอนว่า จะมีปัจจัยเสี่ยงที่เข้ากระทบกับผลตอบแทนการลงทุน นั่นคือ ความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของตลาด อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนให้ความสนใจกับผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวมากกว่าผลตอบแทนระยะสั้นรายปี ที่ผลตอบแทนการลงทุนมีโอกาสขึ้นลงมาก เช่นในปี 2550 ได้ผลตอบแทนการลงทุนร้อยละ 9.22 ในปี 2549 ได้ผลตอบแทนร้อยละ 3.44 และในปี 2548 ได้ผลตอบแทนร้อยละ 6.83 ในขณะที่ผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 2540-2550 ให้ผลตอบแทนสะสมร้อยละ 8.24 ต่อปี