กรมเจรจาฯ กระตุ้นใช้ประโยชน์ FTA ไทย-อินเดีย อาเซียน-อินเดีย เดินสายจัดสัมมนาทุกภูมิภาค

จันทร์ ๐๘ กันยายน ๒๐๐๘ ๑๕:๓๖
กรุงเทพฯ--8 ก.ย.--จร.
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เดินสายจัดสัมมนาให้ข้อมูลการเปิดเสรีกรอบไทย-อินเดีย อาเซียน-อินเดีย พร้อมแนะให้เห็นโอกาสจากความตกลงเปิดทางเข้าสู่ตลาดอินเดีย เผยผลจากการเปิดสินค้าเร่งลดภาษี (EHS) 82 รายการ ส่งให้มูลค่าการค้าไทย-อินเดียเพิ่มขึ้น
นายชนะ คณารัตนดิลก รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยผลการจัดสัมมนา “ตะลุยภารตะ ขุมทรัพย์การค้า” เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา กรมฯ ได้จัดสัมมนาเชิงวิชาการอย่างต่อเนื่องในการสร้างความรู้ ความเข้าใจตลาดอินเดีย และเตรียมความพร้อมการเปิดเสรีในกรอบไทย-อินเดีย อาเซียน-อินเดีย ในหัวข้อ “ตะลุยภารตะ ขุมทรัพย์การค้า” ตามจังหวัดต่างๆ ในทุกภูมิภาค คือ จังหวัดเชียงใหม่, ภูเก็ต, ขอนแก่น จันทบุรี และครั้งสุดท้ายที่กรุงเทพฯ ซึ่งประสบความสำเร็จมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมอย่างมาก
นายชนะกล่าวว่า ข้อตกลงFTA ไทย-อินเดีย เป็นข้อตกลงแรกที่ไทยทำกับประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ และเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างอินเดียกับภูมิภาคอาเซียน ปัจจุบันภายใต้กรอบทวิภาคี FTA ไทย-อินเดีย ทั้งสองฝ่ายได้ยกเลิกภาษี จำนวน 82 รายการ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2549 จึงเป็นโอกาสดีที่ท่านสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ก่อน ส่วนสินค้าอีกหลายพันรายการยัง อยู่ในระหว่างการดำเนินการเจรจา โดยมีความคืบหน้าใกล้จะสำเร็จสรุปผลแล้ว
จากผลของ FTA ไทย-อินเดีย ทำให้มูลค่าการค้าระหว่างไทย-อินเดียเพิ่มมากขึ้น ในปี 2550 มีมูลค่าการค้ากว่า 163,000 ล้านบาท และใน 7 เดือนแรกของปี 2551 มูลค่าการค้าประมาณ 114,000 ล้านบาท สินค้าที่ไทยส่งไปอินเดียมากคือ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เม็ดพลาสติก รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ส่วนสินค้าที่ไทยนำเข้าจากอินเดียมากคือ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้ที่ผ่านมาการค้าขายกับอินเดียมีปัญหา และอุปสรรค เช่น อินเดียเก็บภาษีนำเข้าในอัตราสูง และยังมีการเก็บภาษีอื่นๆภายในประเทศ สำหรับระบบพิธีการศุลกากรมีความยุ่งยาก ซับซ้อน และล่าช้า ด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร ทำให้เกิดอุปสรรคต่อการขนถ่ายสินค้า และมีพื้นที่ขนาดใหญ่ การขนส่งสินค้าใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง นอกจากนี้มีการลอกเลียนแบบสินค้าเกิดขึ้นจำนวนมากและรวดเร็ว ซึ่งการเจรจาการค้าเป็นเครื่องมือที่ช่วยลดอุปสรรคและบรรเทาปัญหาลงได้
การสัมมนาฯ นี้ได้เชิญวิทยากรที่เป็นตัวแทนจากภาครัฐและเอกชนซึ่งมีความเชี่ยวชาญตลาดอินเดีย มาให้ข้อมูลแนวทางการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยเปิดตลาดอินเดีย เจาะลึกโอกาสของธุรกิจไทยในตลาดอินเดีย และโอกาสของนักธุรกิจไทยในประเทศอินเดีย โดยแนะว่าการทำการค้ากับอินเดียต้องอดทน หนักแน่น และการบุกตลาดอินเดียต้องเรียนรู้ศึกษา สำรวจเจาะลึกสินค้าประเภทเดียวกันกับเราในตลาดอินเดีย เตรียมตัวให้พร้อมด้วยการปรับปรุงสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาด ทั้งนี้อินเดียยังมีความต้องการสินค้าของไทยอีกมาก เช่น ยางรถยนต์ หมาก สำหรับธุรกิจที่น่าจะมีโอกาสในตลาดอินเดีย คือ ธุรกิจบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ภัตตาคาร สปา หรือเครื่องอุปโภคบริโภค

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ