กรุงเทพฯ--9 ก.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ไทยพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) และอันดับหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัทที่ระดับ “A+” พร้อมคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทที่ระดับ “AA” จากการที่หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการค้ำประกันจากบริษัทแม่คือธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่”
อันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัทไทยพาณิชย์ลีสซิ่ง ซึ่งเดิมชื่อ บริษัท สยามพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) เป็นผลมาจากการสนับสนุนทางธุรกิจและการเงินที่ได้รับจากธนาคารไทยพาณิชย์ อีกทั้งยังได้รับการเพิ่มสถานะจากอันดับเครดิตของบริษัทโดยตรงจากการเป็นบริษัทลูกเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของธนาคารในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ ณ เดือนธันวาคม 2550 สินเชื่อของบริษัทคิดเป็น 8.8% ของสินเชื่อรวมคงค้างของธนาคารไทยพาณิชย์ ในขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทคิดเป็น 9.2% ของส่วนของผู้ถือหุ้นรวมของธนาคาร แม้ว่านโยบายทางธุรกิจของบริษัทได้เปลี่ยนไปตั้งแต่ช่วงต้นปี 2551 แต่อันดับเครดิตของบริษัทยังคงได้รับการสนับสนุนจากกระแสเงินสดที่เพียงพอจากค่างวดรายเดือนของสินเชื่อปัจจุบันที่ยังคงไว้ที่บริษัทเพื่อใช้ชำระหนี้ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการที่คุณภาพสินทรัพย์มีโอกาสที่จะด้อยค่าลงมากขึ้นในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย
ส่วนอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทสะท้อนคุณภาพเครดิตของธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 99.1% และเป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ อันดับเครดิตของธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผลมาจากสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในฐานะธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อันดับ 3 ของไทย ตลอดจนการมีเครือข่ายสาขาทั่วประเทศที่แข็งแกร่ง ฐานะทางการเงินและธุรกิจที่ดีขึ้น คณะผู้บริหารที่มากประสบการณ์ และเงินกองทุนและค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนบางส่วนจากสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวยน้อยลง ตลอดจนความไม่แน่นอนของธุรกิจหลักทรัพย์ และการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจสินเชื่อรายย่อยซึ่งอาจจำกัดโอกาสในการเติบโตและความสามารถในการทำกำไร
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สำหรับอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันสะท้อนถึงสถานะของบริษัทที่เป็นหน่วยงานเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญพร้อมทั้งการได้รับการสนับสนุนทางธุรกิจและการเงินจากกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงใดๆ ของความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและธนาคารซึ่งรวมถึงการถือหุ้นและการสนับสนุนล้วนมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัท ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สำหรับอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทสะท้อนความเป็นไปได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์จะมีผลประกอบการในระยะปานกลางตามที่คาดไว้ และจะสามารถดำรงสถานะผู้นำในธุรกิจหลักของธนาคาร รวมถึงจะสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามแผนการที่วางไว้ ทั้งนี้ ระบบการจัดการความเสี่ยงที่ดีของธนาคาร ผลงานที่ได้รับการยอมรับ และฐานทุนที่แข็งแกร่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่เอื้ออำนวยน้อยลงให้แก่ธนาคารได้ในอนาคต
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 3 ในบรรดาธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบของไทยทั้ง 12 แห่ง ธนาคารมีมูลค่าทางธุรกิจ (Franchise Value) ที่แข็งแกร่ง ด้วยประสบการณ์กว่า 1 ศตวรรษ ธนาคารได้พัฒนาคณะผู้บริหารและรูปแบบการดำเนินธุรกิจธนาคารซึ่งช่วยให้สามารถดำรงอยู่ได้ในธุรกิจที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง การจัดตั้งระบบการจัดการและควบคุมแบบรวมศูนย์ทำให้สามารถควบคุมและบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่การกระจายอำนาจของหน่วยธุรกิจไปสู่สาขาและบริษัทในเครือได้ช่วยยกระดับความแข็งแกร่งทางการตลาดในธุรกิจหลักของธนาคาร ระบบการจัดการความเสี่ยงที่ดี ตลอดจนคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และเงินกองทุนและค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่แข็งแกร่งสำหรับรองรับหนี้สูญจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตให้แก่ธนาคาร
ก่อนการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางธุรกิจ บริษัทไทยพาณิชย์ลีสซิ่งเป?นหนึ่งในผู?นําในด้านการให?บริการสินเชื่อเช?าซื้อรถยนต?ในประเทศไทย หลังจากมีสถานะเป็นบริษัทลูกของธนาคารไทยพาณิชย์ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2549 บริษัทก็ได้ดำเนินนโยบายการขยายสินเชื่อเชิงรุก โดยสินเชื่อรวมของบริษัทเพิ่มขึ้น 25% จาก 42,710 ล?านบาท ณ สิ้นป? 2548 เป?น 53,329 ล?านบาท ณ สิ้นป? 2549 และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีก 43% เป็น 76,410 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2550 ในช่วงต้นปี 2551 บริษัทได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบทางธุรกิจโดยเน้นการให้สินเชื่อแก่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น และได้โอนธุรกิจลูกค้าเช่าซื้อรถยนต์รายย่อยไปที่ธนาคารไทยพาณิชย์ นอกจากนี้ บริษัทยังทำหน้าที่เรียกรับชำระหนี้สำหรับสินเชื่อรถยนต์ที่ค้างชำระมากกว่า 60 วันให้แก่ธนาคารไทยพาณิชย์และสำหรับสินเชื่อคงค้างที่ยังอยู่กับบริษัทด้วย
ทริสเรทติ้งมีความกังวลว่าค่าครองชีพและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น รวมทั้งราคารถยนต์มือสองที่ลดลงจะกดดันความสามารถในการทำกำไรและคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัท โดยเฉพาะเมื่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ขยับตัวสูงขึ้นไปที่ 4.72% ของสินเชื่อรวมเฉลี่ย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2551 จาก 2.47% ณ สิ้นปี 2550 อย่างไรก็ตาม ระบบการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพช่วยลดทอนความกังวลได้บางส่วน โดยทริส
เรทติ้งคาดว่าจะเห็นการปรับตัวที่ดีขึ้นของคุณภาพสินทรัพย์หลังจากบริษัทได้ผ่านช่วงการเปลี่ยนถ่ายธุรกิจและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องไปยังธนาคารไทยพาณิชย์แล้ว