ผู้ผลิตข้าวโพดหวานยุโรปร้อง EU ใช้มาตรการ Anti Dumping เตรียมขึ้นภาษีข้าวโพดหวานไทยอ้างเสียตลาดจากไทยตัดราคา

จันทร์ ๑๑ กรกฎาคม ๒๐๐๕ ๑๔:๐๓
กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--อินคริสซ์ เน็ทเวิร์ค เอเจนซี แอนด์ คอนซัลแทนส์
-เอกชนไทยรวมตัวปกป้องสิทธิ์-ร้องกระทรวงพาณิชย์ชี้แจง EU ยืนยันความจริง-
นายโรจน์ บุรุษรัตนพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ริเวอร์แคว อินเตอร์เนชั่นแนล อุตสาหกรรมอาหาร จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกข้าวโพดหวานรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า จากบทความในนิตยสาร FOODNEWS ซึ่งตีพิมพ์และเผยแพร่ในยุโรปช่วงเดือนที่ผ่านมา มีใจความตอนหนึ่งว่า ...กลุ่มผู้ผลิตข้าวโพดหวานในยุโรป คือ ฝรั่งเศส และ ฮังการี ได้ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการสหภาพยุโรปหรือ EU พิจารณาขึ้นภาษีข้าวโพอหวานจากประเทศไทยอีกร้อยละ 15 เป็นร้อยละ 20.1 เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยประธานสมาคมผู้ผลิตข้าวโพดหวานของยุโรป ได้ร้องเรียนผู้ส่งออกข้าวโพดหวานจากประเทศไทย ส่งสินค้าข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องไปขายตัดราคาในยุโรป ทำให้ผู้ผลิตในฝรั่งเศส และ ฮังการี ได้รับความเดือดร้อน สูญเสียส่วนแบ่งการตลาดไป จนทำให้หลายโรงงานมีปัญหาทางด้านการเงิน ซึ่งทางสมาคมผู้ผลิตในยุโรปไม่มีทางเลือกอื่นที่จะปกป้องอุตสาหกรรม นอกจากการเสนอใช้มาตรการ Anti Dumping ด้วยการขอให้ขึ้นภาษีในครั้งนี้...จากบทความนี้ทางกลุ่มผู้ผลิตข้าวโพดหวานของประเทศไทย ได้ร่วมกันประชุมเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามประเมินสถานการณ์ และเตรียมประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อทำเรื่องชี้แจงกับทาง EU ต่อไป เนื่องจากในปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้ส่งสินค้าข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องขายไปในตลาดโลก 95,806 ตัน มูลค่ารวม 2,709 ล้านบาท โดยตลาดยุโรปเป็นตลาดใหญ่สุด ปริมาร 53,652 คัน มูลค่ารวม 1,673 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 62 ของมูลค่ารวม
นายโรจน์ให้ความเห็นว่า หากทางคณะกรรมการสหภาพ EU มีมติเห็นชอบตามที่สมาคมผู้ผลิตข้าวโพดหวานของยุโรปเสนอไปจะก่อให้เกิดความเสียหายกับอุตสาหกรรมของประเทศเป็นอย่างมาก เนื่องจากตลาด EU เป็นตลาดที่สำคัญที่สุดของสินค้าข้าวโพดหวานจากประเทศไทย และมีแนวโน้มความต้องการมากขึ้นทุกปี ทางผู้ผลิตในยุโรปเองมีต้นทุนการผลิตสูงกว่าประเทศไทย จึงทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง แต่หากพิจารณาตามความเป็นธรรมแล้ว การแข่งขันในโลกเสรีน่าจะเปิดกว้างให้ผู้บริโภคเป็นผู้ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า ข้าวโพดหวานของยุโรปโดยรวมยังมีคุณภาพสูงกว่าของประเทศไทย เนื่องจากมีประสบการณ์ของอุตสาหกรรมมานาน ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงสายพันธุ์ หรือ ขบวนการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีสูง การวางตำแหน่งของสินค้าอยู่ในกลุ่มบน มีการทำตลาดด้วย แบรนด์สินค้า ราคาก็ควรสูงกว่า สินค้าจากประเทศไทยที่ยังต้องพัฒนาคุณภาพ และผู้นำเข้าส่วนใหญ่นำไปขายเป็น House Brand หรือตาม Discount Store อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตในประเทศไทยควรต้องเริ่มพัฒนาคุณภาพสินค้ากันอย่างจริงจัง เพื่อเพิ่มศักยภาพการขายไปยังกลุ่มบนที่ยอมรับราคาสินค้าที่เหมาะสม น่าจะได้ประโยชน์และผลตอบแทนในระยะยาวที่ดีกว่าการขายราคาต่ำ แล้วมีการตัดราคากันเอง จนก่อให้เกิดโต้แย้งจากทาง EU ในปัจจุบัน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
บริษัท อินคริสซ์ เน็ทเวิร์ค เอเจนซี แอนด์ คอนซัลแทนส์ จำกัด
จินตนา ตรีพิชิต โทร. 02-9861135, 02-986-1854--จบ--

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ