นิด้าแนะจับตามะกันสางปมสถาบันการเงิน เตือนไทยรับมือบาทอ่อน-กระตุ้นเอกชนบริหารความเสี่ยง

จันทร์ ๒๒ กันยายน ๒๐๐๘ ๑๕:๓๕
กรุงเทพฯ--22 ก.ย.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
นิด้า บิสิเนส สคูล ชี้ต้นตอวิกฤติสถาบันการเงินสหรัฐฯ มาจากความซับซ้อนของตราสารทางการเงินที่พัฒนาจนหน่วยงานกำกับตามไม่ทัน ขณะที่วัฒนธรรมสร้างแรงจูงใจด้วยการเพิ่มผลตอบแทน ส่งผลให้วาณิชธนกรยอมรับความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้น ชี้ผลกระทบไทยมากน้อยแค่ไหน ต้องจับตาดูทิศทางการแก้ปัญหาของสหรัฐฯ แนะจับตาตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเป็นหลัก หวั่นบาทอ่อนค่าตามยูเอสดอลลาร์ พร้อมเตือนสถาบันการเงินไทยและภาคเอกชนเร่งบริหารความเสี่ยง สร้างความแข็งแกร่งก่อนปัญหารอบใหม่ปะทุ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นฤมล สอาดโฉม รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า บิสิเนส สคูล เปิดเผยถึงกรณีที่วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่อย่าง “เลห์แมน บราเธอร์ส” ประสบภาวะวิกฤติทางการเงิน จนต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย ซึ่งได้สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดเงินและตลาดทุนทั่วโลกว่า หากพิจารณาสาเหตุหลักของปัญหาดังกล่าว จะพบว่า มีอยู่ 2 ประเด็นสำคัญ โดยประเด็นแรกเป็นเรื่องของความซับซ้อนของตราสารทางการเงินที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐฯ ไม่สามารถติดตามได้ทัน แม้กระทั่งหลังเกิดความสูญเสียแล้วก็ยังไม่ชัดเจนในทิศทางของวิธีการแก้ไข ที่ผ่านมาธนาคารกลางตั้งหลักแก้ปัญหาโดยลดอัตราดอกเบี้ยเท่านั้น ซึ่งเป็นวิธีที่ทำกันมาตั้งแต่สงครามโลก แต่ก็ยังยึดติดกับวิธีการแก้ปัญหาเก่าๆ ทั้งที่การลดดอกเบี้ยเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดปัญหาซัพไพร์ม
“ต้องยอมรับว่า ผู้บริหารหน่วยงานกำกับของสหรัฐฯ ส่วนใหญ่จะเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ยังคงยึดติดกับทฤษฎีเศรษฐศาสตร์เดิมๆ ขณะที่โลกการเงินเปลี่ยนแปลงไปมาก วิศวกรรมทางการเงินได้ก่อให้เกิดตราสารที่เคยช่วยชีวิตสหรัฐอเมริกาผ่านการทำ securitization แล้ววันนี้มันกลับมาเป็นเชื้อร้ายทำลายตลาดเงินตลาดทุนของสหรัฐอเมริกาเสียเอง ตราสารอนุพันธ์ ตราสารทางการเงินมีความซับซ้อนขึ้น ในขณะที่องค์กรที่กำหนดทิศทางนโยบายทางการเงินของประเทศไม่สามารถที่จะกำหนดมาตรการที่เหมาะสมได้ทัน ขณะที่ชนวนของปัญหาประการที่ 2 อยู่ที่วัฒนธรรมองค์กรของสถาบันการเงินเหล่านี้ที่พยายามสร้างแรงจูงใจให้กับเจ้าหน้าที่ด้วยโบนัสที่สูงตามผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูง ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อต้องการผลตอบแทนที่สูงจึงทำให้เขาหล่านี้พยายามที่จะรับความเสี่ยงมากขึ้นจนเกินไป ดังนั้น การลงทุนของสถาบันการเงินเหล่านี้ จึงเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” ผศ.ดร.นฤมล กล่าว
สำหรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยนั้น เชื่อว่าผลกระทบทางตรงคงมีเพียงการโยกย้ายของเงินทุนในระยะสั้นนี้จากการขาดสภาพคล่อง ซึ่งเห็นผลในตลาดหุ้นชัดเจน แต่เมื่อพิจารณาพอร์ตการลงทุนของสถาบันการเงินของไทยส่วนใหญ่แล้ว จะพบว่า แทบไม่มีการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ที่มีความเสี่ยงสูงเหล่านี้เลย แต่ลักษณะการลงทุนจะเน้นไปที่พันธบัตรรัฐบาลเป็นหลัก ยกเว้นบางสถาบันการเงินที่ออกมาเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่าได้ลงทุนในตราสารที่เกี่ยวข้องกับเลห์แมน บราเธอร์ส อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า อาจจะเกิดผลกระทบทางอ้อมกับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับแนวทางการแก้ปัญหาของสหรัฐอเมริกา เพราะหากว่าการแก้ปัญหาทำได้ไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด และปัญหาไม่ลุกลามทำให้ฝั่งประเทศในยุโรปเกิดปัญหามากนัก ก็อาจจะส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินบาทกับเยนญี่ปุ่นมีโอกาสอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโรและปอนด์สเตอริง ขณะที่ปัจจัยบวกที่ยังคาดหมายกันอยู่ คือ การเข้าไปซื้อบริษัทที่ประสบปัญหาเหล่านี้โดย Sovereign Wealth Fund (SWF) ที่จะสามารถฃ่วยประคับประคองภาวะวิกฤติการเงินของสหรัฐอเมริกาได้
รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา นิด้า บิสิเนส สคูล กล่าวด้วยว่า เมื่อพิจารณาจากจุดเริ่มต้นของปัญหาสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ทำให้สถาบันการเงินและภาคเอกชนไทยควรตระหนักถึงการบริหารความเสี่ยง เนื่องจากจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีใครสามารถประเมินถึงความเสียหายที่เป็นเม็ดเงินได้อย่างชัดเจนและแน่นอน โดยเฉพาะความหวั่นวิตกว่าปัญหาดังกล่าวจะลุกลามต่อไปกว้างแค่ไหน คู่สัญญาของเลห์แมน บราเธอร์ส มีมากเท่าใดที่จะเกิดปัญหาตามมา และในเกมส์นี้ไม่ใช่แค่เลห์แมนจะกระทบใครตรงๆเท่านั้น แต่ทุกคนในเกมส์นี้ต่างมีธุรกรรมระหว่างกัน ความสูญเสียจริงๆเป็นเท่าไรจึงไม่ใฃ่เรื่องที่ใครจะสามารถประเมินได้ ดังนั้น การเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับความเสี่ยงในอนาคตจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับภาคเอกชนและสถาบันการเงินไทยในขณะนี้
“ที่ผ่านมา นิด้า บิสิเนส สคูล ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงมาโดยตลอด โดยได้เปิดอบรมหลักสูตรการบริหารความเสี่ยงขององค์กรต่อเนื่องเป็นรุ่นที่ 8 ซึ่งปิดโครงการไปเมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ ผู้เข้าอบรมในหลักสูตรดังกล่าว จะได้รับความรู้ในเรื่องของการรู้จักความเสี่ยงและขั้นตอนในการบริหารความเสี่ยง ตลอดจนความเสี่ยงทางการเงิน ความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ ความเสี่ยงทางกฎหมาย รวมถึงการประเมินความเสี่ยงและการสื่อสารเพื่อบริหารความเสี่ยง เป็นต้น ซึ่งนับได้ว่า เป็นหลักสูตรที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่สุด โดยผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.training.nida.ac.th/” ผศ.ดร.นฤมลกล่าว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
บริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด(ในนาม NIDA BUSINESS SCHOOL)
(หยิง PR) โทร. 0-86321-7018 E-mail address : [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version