กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--กทม.
กทม. จับมือ สธ. และสมาคมปราบวัณโรคฯ จัดโครงการแท็กซี่ปอดสะอาด บริการรถเอ็กซเรย์ปอดคนขับแท็กซี่ฟรี ชี้รถแท็กซี่เมืองกรุง เอื้อต่อการแพร่กระจายเชื้อโรคทางเดินหายใจ
นพ.สิทธิสัตย์ เจียมวงศ์แพทย์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ร่วมพิธีเปิดโครงการใส่ใจสุขภาพปอด : แท็กซี่ปอดสะอาด ซึ่งกระทรวงสาธารณะสุข สมาคมปราบวัณโรคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และกรุงเทพมหานคร ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2551 โดยเปิดตัวที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นแห่งแรก เนื่องจากมีผู้โดยสารทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากกว่า 1 แสนคนต่อวัน ต้องใช้บริการรถแท็กซี่จำนวนมาก ซึ่งรถแท็กซี่ถือเป็นจุดหนึ่งที่มีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อวัณโรค เพราะติดแอร์และใช้อากาศหมุนเวียนภายใน รถแบบระบบปิด ไม่มีการถ่ายเทอากาศกับภายนอกรวมทั้งผู้ขับรถแท็กซี่ส่วนใหญ่ย้ายถิ่นฐานมาจากต่างจังหวัด และไม่เคยได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีมาก่อน
โดยในวันนี้สมาคมปราบวัณโรคฯ สำนักวัณโรค กรมควบคุมโรค และสำนักอนามัย กรุงเทพมหานครได้จัดรถเอกซเรย์เคลื่อนที่จำนวน 3 คัน ให้บริการตรวจเอ็กซเรย์ปอดที่จุดจอดพักรถแท็กซี่ของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งนอกจากจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสารแล้ว ยังสื่อถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยที่จะกำจัดวัณโรคให้หมดไปด้วย
ภายหลังจากนี้ รถเอกซเรย์เคลื่อนที่ทั้ง 3 คัน จะออกให้บริการเอ็กซเรย์ปอดให้ผู้ขับขี่แท็กซี่ฟรี ในจุดที่มีแท็กซี่หนาแน่น อาทิ สถานีขนส่งต่างๆ หมุนเวียนไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 51 โดยตั้งเป้าครอบคลุมผู้ขับรถแท็กซี่ในกรุงเทพมหานครประมาณ 100,000 คัน สำหรับผู้ที่ตรวจไม่พบความผิดปกติของปอดจะได้รับสติ๊กเกอร์รับรองผ่านการตรวจสำหรับติดในรถ ส่วนผู้ที่ผลเอ็กซเรย์ผิดปกติจะถูกส่งไปรับการตรวจเพิ่มเติม หากพบว่าเป็นผู้ป่วยวัณโรคปอดจะได้รับการรักษาจนหายขาด ทั้งนี้จะมีการเก็บข้อมูลผู้ขับรถแท็กซี่ที่ผ่านการตรวจแล้ว เพื่อติดตามมารับการตรวจในปีต่อๆ ไป และปรับแนวทางการตรวจสุขภาพให้สะดวก เหมาะสม เพื่อให้ครอบคลุมผู้ขับรถแท็กซี่มากขึ้น
ทั้งนี้ นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ได้กล่าวถึงสถานการณ์ของวัณโรคในประเทศไทยว่า ประเทศไทยติด 1 ใน 22 ประเทศที่ยังมีอุบัติการณ์ของวัณโรคสูงมากถึงปีละ 90,000 ราย โดย 40,000 รายเป็นกลุ่มที่อยู่ในระยะแพร่เชื้อ และความชุกของวัณโรคจะยิ่งสูงขึ้นในกลุ่มประชากรที่เป็นผู้ย้ายถิ่นฐาน หรืออาศัยในที่แออัด พร้อมกันนี้ได้แนะนำผู้ขับรถแท็กซี่ที่ต้องรับผู้โดยสารที่มีอาการไอ จาม ให้ปรับระบบถ่ายเทอากาศในรถเป็นระบบเปิด เพื่อให้อากาศภายนอกถ่ายเทเข้ามาในรถ ทำให้เชื้อในอากาศลดลง และเมื่อผู้โดยสารลงจากรถแล้ว ควรเปิดหน้าต่างทุกบานเพื่อให้อากาศถ่ายเทดีขึ้น