นอร์ตัน นักแสดงวัย 39 ได้เล่าถึงเมืองที่เขาเคยทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ ที่หวังจะเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงเมื่อ 15 ปีที่แล้ว "ผมรักที่จะทำงานในบ้านเกิด มันมีพลังที่คุณไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้ มันเป็นพลังงานที่อยู่ตามท้องถนน และเมื่อคุณเริ่มถ่ายทำ มันก็จะเป็นสิ่งที่คอยช่วยคุณในการทำงานให้สำเร็จลุล่วง"
กาวิน โอคอนเนอร์ ผู้กำกับภาพยนตร์ และ เกร็ก ผู้อำนวยการสร้าง ต่างก็เป็นลูกชายของพ่อที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในนิวยอร์ค “มันไม่มีทางเลือกอื่นเลย ที่เราจะไปถ่ายทำกันใน โตรอนโต้ หรือ ลอสแองเจลิส เพื่อทำให้มันกลายเป็นเมืองตัวแทนของถนนที่ วอชิงตันไฮท์ หรือ โคนี่ ไอสแลนด์ ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนิวยอร์คได้”
ฟาร์เรล เล่าว่า "มันเป็นหนึ่งในสถานที่ไม่กี่แห่ง ทันทีที่ผมก้าวลงไปบนท้องถนน ก็จะรู้สึกถึงผู้คนอีกนับล้านบนเกาะเล็กๆแห่งนี้ พวกเขามาจากหลายเชื้อชาติ มาจากหลายความเชื่อ ซึ่งทุกสิ่งมันถูกหล่อหลอมเข้าด้วยกัน จนออกมากลายเป็นเมืองที่มีความพิเศษเช่นนี้ และเมื่อสภาพแวดล้อม, เสียง, กลิ่น และทุกสิ่งทุกอย่างมันถูกใส่ลงไปในเลนส์ คุณก็จะรู้ว่ามันไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาจากที่อื่นได้ มันมีเลือดเนื้อที่เสียบนที่แห่งนี้มากเกินไป ที่จะสร้างเลียนแบบขึ้นมาใหม่"
ฟาร์เรล เคยรับบทเป็นทั้งตำรวจและคนร้ายมาก่อนในภาพยนตร์แอ๊กชั่นเรื่อง Miami Vice และ SWAT แต่การเข้าค่ายฝึก เพื่อการสวมบทเป็นตำรวจธรรมดาๆนั้นอาจไม่เพียงพอ ดังนั้นนักแสดงทุกคนต่างก็ได้รับมอบหมาย ให้ไปศึกษาหาข้อมูลในบทที่ได้รับกันด้วยตัวเอง
"ข้อมูลที่ผมมีเกี่ยวกับ NYPD มาตั้งแต่สมัยเด็กนั้น ก็คือจากการนั่งดูซีรี่ย์ทางโทรทัศน์เรื่อง Hill Street Blues ส่วนตัวแล้ว ผมก็นึกขำตัวเองทุกครั้ง เมื่อคิดถึงเด็กหนุ่มที่มาจากกรุงดับลินคนนี้ จะต้องมาใส่ชุดตำรวจนิวยอร์ค แต่จากการที่ได้พูดกับตำรวจที่ผมไปหาข้อมูล ผมก็เข้าใจถึงการดำรงชีวิตและภาระหน้าที่ ที่พวกเขาเหล่านี้ต้องใช้ชีวิตโดยทำในสิ่งที่อันตรายเช่นนี้"
นอร์ตัน ก็ดูจะเห็นด้วยกับความยากลำบากของการเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่เช่นนี้ "ไม่ใช่ผมอยากจะอ้างว่า ตำรวจนิวยอร์คเป็นตำรวจที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก แต่หลังปิดกล้อง ผมก็รู้สึกและเข้าใจถึงความมยากลำบาก ในการที่ดำรงชีวิตด้วยอาชีพที่ไม่ทำเงินมากนัก และมันก็ยังซับซ้อนมากกว่าที่คนทั่วไปเห็นอีกด้วย"
เพื่อความสมจริงอย่างที่สุดใ นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว ทีมนักแสดงได้ใช้เวลาหลายอาทิตย์ก่อนการถ่ายทำในอพาร์ทเม้นท์ของ โอคอนเนอร์ บนเกาะแมนฮัตตัน พวกเขาอาศัยอยู่ด้วยกันจริงๆเพื่ออ่านบทภาพยนตร์ร่วมกันทีละบรรทัด
ฟาร์เรล เรียกการประชุมแบบนี้ว่า "เทคนิคทางสร้างความสัมพันธ์ ที่เหมือนกับการช่วยกันสร้างโรงนา" ในขณะที่ นอร์ตัน เปรียบว่า “เหมือนกับการซ้อมใหญ่สำหรับละครบรอดเวย์ ในช่วงแรกของอาชีพนักแสดงของผม” โดยทั้งคู่ต่างก็ภูมิใจในผลลัพท์ที่ออกมา พวกเขาพ้องกันว่า นี้แหละคือภาพยนตร์ที่สร้างออกมาเพื่อเติมไฟในอาชีพนักแสดงของตัวเอง มากกว่าที่จะเป็นเพียงเพื่อรอวันรับเช็คค่าจ้างอย่างเดียว
แต่ ฟาร์เรล ก็ยังรู้สึกหวั่นๆถึงปฏิกิริยาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เขาได้ทำความรู้จัก และกลายเป็นเพื่อนใหม่หลังจากการออกไปศึกษาหาข้อมูลของตัวเอง โดยเฉพาะในฉากหนึ่ง ที่เขาต้องขู่เด็กทารกแรกเกิดด้วยเตารีดที่กำลังทำงาน "ผมรู้สึกว่าตัวเองต้องระวังตัวในช่วงที่อยู่ในนิวยอร์ค เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าผมต้องเล่นเป็นตำรวจคอรัปชั่น แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าผมต้องเล่นเป็นตำรวจที่เลวร้ายแค่ไหนในเรื่อง"