นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “TSFC เป็นบริษัทหลักทรัพย์ (บริษัทจำกัด) ที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาทำหน้าที่เฉพาะด้าน โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ถือหุ้น 10% และหุ้นที่เหลือกระจายกันถืออยู่ในระหว่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทหลักทรัพย์ การให้บริการของ TSFC จะมีลักษณะเฉพาะเพียงแห่งเดียว ซึ่งแตกต่างจากบริษัทหลักทรัพย์ทั่วไป กล่าวคือ TSFC ให้บริการหลักเฉพาะด้านการให้กู้ยืมเงินแก่ผู้ลงทุนเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (margin loan) เท่านั้น มิได้ทำธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ด้วย”
“การที่ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้ลดลงอย่างมากใน 1-2 เดือนที่ผ่านมานั้น ทำให้TSFC ขาดทุนจากเงินลงทุนในหลักทรัพย์ของพอร์ตตัวเองเป็นจำนวนมาก จนมีเงินกองทุนต่ำ สำนักงาน ก.ล.ต. จึงได้สั่งการให้บริษัทแก้ไข และขณะนี้บริษัทก็กำลังเจรจากับผู้ถือหุ้นทั้งกระทรวงการคลังและสถาบันอื่น ๆ เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มทุน”
นายธีระชัย กล่าวต่อว่า “สำหรับลูกหนี้ margin loan ที่กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์จาก TSFC นั้น ยังไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง เพราะจะไม่มีการบังคับให้ต้องขายหุ้นเพื่อชำระหนี้ทันที และข้อปฏิบัติจะเป็นไปตามสัญญาการกู้ยืมเงินที่ลูกค้าได้ทำไว้เดิมกับบริษัททุกประการ หรือหากลูกค้าประสงค์ที่จะโอนย้ายไปเป็นลูกหนี้มาร์จินของบริษัทหลักทรัพย์ทั่วไปรายอื่นที่ให้บริการ margin loan อยู่แล้วก็สามารถทำได้ จึงขอย้ำว่าลูกหนี้ margin loan ไม่ต้องกังวลใด ๆ”
นายธีระชัย ได้กล่าวย้ำว่า “สำหรับบริษัทหลักทรัพย์รายอื่นๆ ที่ให้บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นหลักนั้น ล้วนมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีการลงทุนในตลาดหุ้นอยู่ในระดับต่ำ ทั้งระบบมีเพียงประมาณ 6,700 ล้านบาท คิดเป็น 13% ของเงินกองทุน ปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตลาดหลักทรัพย์จากวิกฤตเศรษฐกิจต่างประเทศครั้งนี้ที่มีผลกระทบต่อ TSFC เท่านั้น จึงจะไม่มีการกระทบระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ แต่อย่างใด”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ฝ่ายงานเลขาธิการ : 0-2695-9502-5 e-mail: [email protected]