การประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 20

พุธ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๐๐๘ ๑๕:๒๐
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปลายสัปดาห์หน้านี้ ตนจะเดินทางไปเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรี ครั้งที่ 20 ที่จะมีขึ้นวันที่ 19-20 พฤศจิกายน 2551 ณ กรุงลิม่า ประเทศเปรู โดยการประชุมแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ การประชุม Retreat ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2551 และ Plenary ในวันที่ 20 พฤศจิกายน

ในการประชุม Retreat ประเด็นสำคัญของการหารือที่เกี่ยวข้องกับการค้าคือ WTO และการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดมากขึ้นในภูมิภาค (Regional Economic Integration : REI) รวมถึงการเตรียมการเจรจาเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิค (Free-Trade Area of the Asia-Pacific : FTAAP) หรือที่เรียกว่า FTAAP ในเรื่อง WTO รัฐมนตรีเอเปคจะหารือกันว่า เอเปคจะมีบทบาทอย่างไรได้บ้างที่จะผลักดันการเจรจารอบโดฮาให้สำเร็จหลังจากที่ประชุมระดับรัฐมนตรี WTO เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาไม่ประสบผลสำเร็จ

ส่วนเรื่อง REI/FTAAP ในปีนี้จะยังคงเป็นหัวข้อที่รัฐมนตรีเอเปคให้ความสนใจอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่สืบนื่องมาจากที่ประชุมผู้นำเอเปคเมื่อปีก่อนที่ซิดนีย์ได้รับรองรายงาน REI เพื่อสร้างความเข้ม แข็งในการก้าวไปสู่การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดมากขึ้นของสมาชิกเอเปค และเห็นว่า FTAAP เป็นเป้าหมายระยะยาว ในปีนี้ รัฐมนตรีเอเปคจะพิจารณาความคืบหน้าในการปฏิบัติงานในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาในเรื่อง REI/ FTAAP พร้อมทั้งแผนงานในเรื่องนี้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

อนึ่ง จากวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นในโลกขณะนี้ และภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิคเป็นตัวจักรสำคัญของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโลก ทำให้วิกฤตการเงินกลายเป็นอีกหัวข้อหลักที่ที่รัฐมนตรีเอเปคจะมีการหารือกัน เพื่อดูว่า เอเปคจะมีบทบาทอย่างไรได้บ้างในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและสร้างความแข็งแกร่งแก่เศรษฐกิจโลก โดยเอเปคจะพิจารณาด้วยว่า จะมีแถลงการณ์แยก (stand-alone Leaders Statement) ของผู้นำเอเปคในเรื่องนี้หรือไม่ ท่าทีของไทยคือสนับสนุนความพยายามใดๆของเอเปคที่จะรวมตัวกันในการแก้ไขปัญหา

นายสงคราม กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของการประชุม Plenary รัฐมนตรีเอเปคจะมีการพิจารณาผลการดำเนินงานด้านการค้าการลงทุนประจำปี 2551 เช่น ความคืบหน้าในการปฏิบัติงานตามแผน ปฏิบัติงานการอำนวยความสะดวกทางการค้า ช่วง 2 เพื่อลดต้นทุนการทำธุรกรรมทางการค้าภายในภูมิภาคลงอีก 5% ในปี 2010 แผนปฏิบัติงานการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน กรอบงานสินค้าและบริการสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

อนึ่ง มูลค่าการค้าระหว่างสมาชิกเอเปคคิดเป็น 45% ของมูลค่าการค้าโลก มี GDP มากกว่า 19 ล้านล้าน US$ (58% ของ GDP โลก) มูลค่าการค้าระหว่างสมาชิกเอเปคมีประมาณ 70% และการค้ากับประเทศนอกกลุ่มประมาณ 30% การที่เอเปคมีสัดส่วนการค้าภายในกลุ่มสูงทำให้เอเปคเป็นตลาดที่มีศักยภาพ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕:๔๑ PRAPAT ออกบูธงาน THAIFEX HOREC ASIA 2025
๑๕:๕๖ ดูโฮม เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการซัพพลายเชนด้วยรีเล็กซ์ โซลูชันส์
๑๕:๒๑ Exclusive Journey ไปกับ VEYLA Natai Residences x Elite Havens ประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่เปิดโลกใหม่ให้กับการพักผ่อนระดับพรีเมียม
๑๕:๐๓ ITALTHAI | SDLG ระเบิดศึก 'Master the Performance' ท้าทายความแม่นยำและประสิทธิภาพเครื่องจักรกลหนัก
๑๕:๑๓ เพาเวอร์บาย ในเครือเซ็นทรัล รีเทล รุกตลาดซัมเมอร์ ส่งแคมเปญ Summer ลดร้อนแรง แอร์ BTU ละบาท กระตุ้นตลาดแอร์-เครื่องใช้ไฟฟ้าคลายร้อน
๑๕:๓๙ โฮมโปร คว้ารางวัล WINNER สุดยอดแบรนด์ Home Decoration ในงาน THAILAND SOCIAL AWARDS ครั้งที่ 13
๑๔:๔๖ กทม. เดินหน้าร่วมปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า บังคับใช้กฎหมาย-เฝ้าระวังลักลอบจำหน่ายในพื้นที่
๑๕:๓๕ การเคหะแห่งชาติ จับมือ 3 หน่วยงาน ขับเคลื่อนการพัฒนาที่อยู่อาศัยและการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน
๑๕:๐๐ สบส. จัดเวทีสร้างความเข้มแข็งปั้นแกนนำสุขภาพ ลดเสี่ยง ลดโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี
๑๔:๔๔ NZAero ร่วมฉลอง 88 ปี กองทัพอากาศไทย สานต่อความร่วมมือกว่า 50 ปี แห่งความภาคภูมิใจ