โดย กพช. มีมติเห็นชอบในหลักการที่จะส่งเสริมให้การใช้เอทานอลเป็นวาระแห่งชาติ โดยจะส่งเสริมให้มีการนำเข้าและประกอบรถ FFV (Flex Fuel Vehicle) ดังนี้
- ระยะที่ 1 (2551-2552) : ให้มีการลดหย่อนอากรนำเข้าจากอัตราปกติ 80% เหลือ 60% เป็นการชั่วคราวภายในปี 2552 หรือประมาณ 2,000 คัน รวมทั้งให้กระทรวงพลังงานพิจารณาใช้กองทุนน้ำมันจัดทำโครงการนำร่องในลักษณะ “Rebate” ให้กับผู้ซื้อรถ FFV เทียบเท่ากับการลดหย่อนอัตราภาษีสรรพสามิต 3% โดยโครงการดังกล่าวจะดำเนินการในช่วงปี 2552-2553
- ระยะที่ 2 (ในช่วงปี 2553 เป็นต้นไป) ให้มีการเก็บอากรนำเข้ารถยนต์ในอัตราปกติ และหลังจากปี 2553ให้มีการพิจารณาทบทวนอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์สำหรับรถยนต์ E85 ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เกิดผลทางการปฏิบัติตาม Road Map ที่กระทรวงพลังงานเสนอ อาทิ มาตรการภาษีและอากรเพื่อการนำเข้ารถยนต์ในระยะสั้นของกรมศุลกากร การออกมาตรฐานคุณภาพน้ำมัน E85 ของกรมธุรกิจพลังงาน การเพิ่มผลผลิตต่อไร่ทั้งอ้อยและมันสำปะหลังและการกำหนดพื้นที่เพาะปลูกในพื้นที่รกร้างว่างเปล่า พื้นที่ราชพัสดุของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กรมธนารักษ์เป็นต้น
ทั้งนี้นโยบายดังกล่าวนั้นจะสามารถสร้างความมั่นคงด้านการจัดหาพลังงานของประเทศ และลดการนำเข้าน้ำมันคิดเป็นมูลค่า 386,720 ล้านบาท อีกทั้งยังสามารถสร้างโอกาสในการปรับโครงสร้างการผลิตพืชเกษตรไปสู่พืชพลังงานที่มีมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจสูง สร้างเสถียรภาพราคาพืชผลเกษตร และต่อยอดมูลค่าด้านเกษตรอุตสาหกรรม คิดเป็นมูลค่าเชิงเศรฐศาสตร์ได้ถึง 60,657 ล้านบาท และยังสามารถลดมลพิษและภาวะโลกร้อนได้ถึง 27.8 ล้านตันต่อปี