ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)” ที่ระดับ “A-/Stable”

ศุกร์ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๐๐๘ ๐๘:๐๑
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรระดับ “A-” พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ให้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (DBSVT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้น 100% โดย DBS Vickers Securities Holdings Pte., Ltd. หรือ DBSVSH (สมาชิกในกลุ่มธนาคารดีบีเอส) ในประเทศสิงคโปร์ อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนสถานะเครดิตของบริษัทที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ตนเองในฐานะที่เป็นบริษัทย่อยหลักเชิงกลยุทธ์ของกลุ่มธนาคารดีบีเอสซึ่งให้การสนับสนุนทั้งในด้านการเงินและด้านอื่นๆ แก่บริษัท อันดับเครดิตยังอยู่บนพื้นฐานความสามารถของบริษัทในการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายและแหล่งทรัพยากรของกลุ่มธนาคารดีบีเอส นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงฐานทุนที่เพียงพอและสภาพคล่องที่แข็งแกร่งซึ่งทำให้บริษัทมีหลักประกันที่เข้มแข็งในช่วงที่ธุรกิจตกต่ำ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในระหว่างบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศ รวมถึงความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจที่เกิดจากความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ไทย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่า DBSVT จะยังคงฐานะการเป็นบริษัทเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของกลุ่มธนาคารดีบีเอสต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง โดยบริษัทน่าจะดำรงสถานะในธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศไทยโดยเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายระดับสากลของกลุ่มธนาคารดีบีเอสต่อไป ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทค่อนข้างอ่อนไหวต่อภาวะตลาดทุนและการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบต่างๆ แต่ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัทหรือการสนับสนุนจากกลุ่มธนาคารดีบีเอส

ทริสเรทติ้งรายงานว่า DBSVT ให้บริการธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นหลักโดยมีธุรกิจอื่นๆ สนับสนุน ได้แก่ ธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงิน ธุรกิจจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับลูกค้ารายย่อย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ที่ระดับ 3.3% ในปี 2546 ระดับ 3.1% ในปี 2547 ระดับ 2.9% ในปี 2548 และระดับ 2.8% ในปี 2549 และปี 2550 โดยมีสาเหตุหลักมาจากภาวะการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นซึ่งส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายโดยรวมของลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทลดลง นอกจากนี้ ปริมาณการซื้อขายจากต่างประเทศที่ลดลงยังส่งผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจดังกล่าวของบริษัทปรับตัวลดลงเหลือ 2.2% ณ เดือนมิถุนายน 2551 ถึงแม้ปริมาณการซื้อขายของตลาดจะเพิ่มขึ้นในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2551 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 ก็ตาม โดยสาเหตุที่ส่วนแบ่งทางการตลาดลดลงเป็นผลมาจากการแข่งขันที่สูงขึ้นโดยเฉพาะจากบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศที่มีระบบการซื้อขายแบบ Direct Market Access (DMA) ซึ่งเอื้อให้นักลงทุนสถาบันสามารถทำการซื้อขายผ่านระบบได้โดยตรงโดยมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าการซื้อขายผ่านวิธีการแบบเดิม ดังนั้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 บริษัทจึงมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ในอันดับที่ 22 จากจำนวนผู้ประกอบการทั้งหมด 38 ราย ลดลงจากอันดับที่ 15 เมื่อปี 2550 อย่างไรก็ตาม การได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มธนาคารดีบีเอสทำให้มีแนวโน้มว่าบริษัทจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้จากลูกค้าต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังมีกลยุทธ์จะขยายฐานลูกค้ารายย่อยโดยการพัฒนาการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต รวมถึงการให้บริการที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับลูกค้ารายย่อย และการดำเนินนโยบายขยายสินเชื่อเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์

ในด้านธุรกิจวาณิชธนกิจ DBSVT มีเป้าหมายเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นบริษัทขนาดกลาง ซึ่งบริษัทมีปริมาณการรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 582 ล้านบาทในปี 2547 เป็น 2.38 พันล้านบาทในปี 2548 อันเป็นผลมาจากจุดแข็งของบริษัทในด้านกองทุนอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ในปี 2549-2550 ปริมาณการรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ลดลงอย่างมากซึ่งสืบเนื่องมาจากภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการออกหลักทรัพย์ใหม่ โดยในปี 2549 บริษัทให้บริการรับประกันการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์อยู่ในวงเงิน 1.25 พันล้านบาท ในขณะที่ในปี 2550 บริษัทมีลูกค้าเพียง 2 ราย และมีวงเงินเพียง 74 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม งานด้านวาณิชธนกิจพลิกฟื้นขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 หลังจากบริษัทรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ให้แก่ บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) วงเงิน 840 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจวาณิชธนกิจค่อนข้างอิงกับภาวะของตลาด บริษัทจึงได้ขยายทักษะความเชี่ยวชาญให้ครอบคลุมถึงงานให้คำปรึกษาในส่วนอื่นด้วย เช่น การควบรวมกิจการ และการให้คำปรึกษาทางการเงินอื่นๆ ผ่านแหล่งทรัพยากรบนเครือข่ายสาขานานาประเทศภายในกลุ่มธนาคารดีบีเอส อย่างไรก็ตาม รายได้ในส่วนนี้ก็ยังคงน้อยอยู่

กำไรสุทธิของ DBSVT ทยอยลดลงจาก 305 ล้านบาทในปี 2547 เป็น 209 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 172 ล้านบาทในปี 2549 และเป็น 132 ล้านบาทในปี 2550 เนื่องจากภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยและการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 67 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 57 ล้านบาทในรอบครึ่งแรกของปี 2550 สาเหตุมาจากภาวะตลาดที่ดีขึ้นและปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทประสบกับความยากลำบากในการคงผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังให้ได้เท่ากับครึ่งปีแรกเนื่องจากปัจจัยลบที่มีผลต่อภาวะตลาดในไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 ได้แก่ วิกฤตสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (Subprime) ที่เกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา สถานการณ์การเมืองของไทย และมาตรการ Turnover List ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่กำหนดให้หลักทรัพย์ที่มีอัตราการซื้อขายหมุนเวียนสูงผิดไปจากสภาพปกติของตลาดสามารถซื้อขายผ่านบัญชีเงินสด (Cash Balance) เท่านั้น ซึ่งทำให้การเก็งกำไรในหุ้นดังกล่าวลดลง ทั้งนี้ มูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเฉลี่ยในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน 2551 อยู่ที่ประมาณ 12,000 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับ 20,000 ล้านบาทต่อวันในช่วงครึ่งแรกของปี 2551

บริษัทมีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 1.59 พันล้านบาทในปี 2549 เป็น 1.87 พันล้านบาทในปี 2550 และอยู่ที่ 2.61 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2551 โดยมีสาเหตุมาจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์รวมที่เพิ่มขึ้นและการขยายสินเชื่อเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 525 ล้านบาทในปี 2549 เป็น 1,143 ล้านบาทในปี 2550 ในขณะที่ปริมาณสินเชื่อเพิ่มขึ้นอีกเป็น 1,407 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2551 หรือเท่ากับ 54% ของสินทรัพย์รวม ซึ่งคาดว่าการคงนโยบายการขยายสินเชื่อเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทจะสามารถเพิ่มสัดส่วนทางการตลาดในส่วนของนักลงทุนรายย่อยในประเทศได้ อย่างไรก็ตาม การขยายสินเชื่อดังกล่าวอาจทำให้บริษัทมีภาระตั้งสำรองหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และค่าใช้จ่ายหนี้สูญที่มากขึ้นเนื่องจากภาวะตลาดหลักทรัพย์ยังคงมีความผันผวนสูง กระนั้น บริษัทยังคงมีทุนสำรองเพียงพอที่จะรองรับความเสียหายที่จะเกิดจากการทำธุรกรรมหลักทรัพย์ ณ เดือนมิถุนายน 2551 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (Net Capital Rule) อยู่ที่ 62.24% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ค่อนข้างมาก

DBSVT มีความเสี่ยงจากการลงทุนในสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อยโดยมีเพียงการลงทุนสมทบในหุ้นสามัญจำนวน 14 ล้านบาทเพื่อการจัดตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนที่บังคับสำหรับสถาบันการเงินทุกแห่งเท่านั้น บริษัทยังคงมีสถานะสภาพคล่องอยู่ในเกณฑ์ที่เพียงพอและมีความยืดหยุ่นทางการเงินที่ค่อนข้างแข็งแกร่งแม้จะมีภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นเพื่อนำไปสนับสนุนการขยายสินเชื่อเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ผ่านมาก็ตาม ณ สิ้นเดือนกันยายน 2551 บริษัทมีการใช้วงเงินกู้ประมาณ 30% จากวงเงินทั้งสิ้น 2.3 พันล้านบาทจากสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินกู้เผื่อเรียก อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากบริษัทแม่ได้ทันเวลายามต้องการ นอกจากนี้ ฐานทุนของบริษัทยังคงมีเพียงพอถึงแม้จะตกลงจาก 1,273 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2550 เป็น 1,063 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2551 เนื่องจากบริษัทจ่ายเงินปันผลพิเศษไปจำนวน 277 ล้านบาทซึ่งเป็นการจ่ายครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2548 ทริสเรทติ้งกล่าว

บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (DBSVT)

อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version