นายชนะ คณารัตนดิลก รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยรายงานจากคณะผู้แทนไทยประจำประชาคมยุโรป แจ้งข้อมูลเตือนบริษัทเอกชนไทยในการละเมิดกฎหมายการแข่งขันของอียูว่า เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2551 คณะกรรมการยุโรปได้ปรับบริษัทผลิตกระจกสำหรับรถยนต์ 4 บริษัท ได้แก่ Saint-Gobain (ฝรั่งเศส) Asahi/AGC Flat Glass (ญี่ปุ่น) Pilikington (อังกฤษ) Solover (เบลเยี่ยม) เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,383,896,000 ยูโร เนื่องจากบริษัทดังกล่าวร่วมกันทำ cartel กระจกสำหรับรถยนต์ ในช่วงปี 1998-2003 โดยการตกลงราคา แบ่งตลาดและลูกค้า โดยการประชุมในสนามบินและโรงแรมต่างๆ ในยุโรป ซึ่งการสอบสวนของ DG Competition เริ่มขึ้นจากข้อมูลที่ได้รับจากแหล่งข้อมูลที่ไม่เปิดเผย การปรับครั้งนี้เป็นจำนวนสูงสุดที่คณะกรรมาธิการยุโรปเคยปรับมา
ทั้งนี้ บริษัท Saint-Gobain ถูกปรับสูงสุด 896 ล้านยูโร เนื่องจากเป็นการกระทำผิดซ้ำทำให้มูลค่าค่าปรับเพิ่มขึ้น 60% ในขณะที่ บริษัท Asahi ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทำให้ได้รับส่วนลดค่าปรับ 50% เหลือ 113.5 ล้านยูโร โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกรณี cartel นี้คือ ผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปซึ่งใช้ผลิตภัณฑ์จาก 4 บริษัทนี้ในการประกอบรถยนต์ ซึ่งทั้ง 4 บริษัทมีส่วนแบ่งตลาด 90% ใน European Economic Area (อียูรวม นอร์เวย์ ไอร์แลนด์ ลิกเตนสไตน์) มูลค่า 2 พันล้านยูโรปีสุดท้ายที่มีการทำ cartel จากผลการตัดสินดังกล่าวอาจทำให้มีการฟ้องร้องค่าเสียหายจากผู้ผลิตรถยนต์ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของ 4 บริษัทนี้เพิ่มเติมต่อไป อย่างไรก็ดีมีรายงานข่าวจาก Financial Times ระบุว่า บริษัท Saint-Gobain เห็นว่าค่าปรับมีมูลค่าสูงเกินไปและไม่เป็นไปตามสัดส่วนและจะอุทธรณ์เรื่องนี้