นายวศิน วัฒนวรกิจกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (บลจ.บัวหลวง) เปิดเผยว่า ตามที่ปัจจุบันบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (TSFC) ประสบปัญหาด้านฐานะการเงินมีสภาพคล่องไม่เพียงพอต่อการประกอบธุรกิจ และสำนักงาน ก.ล.ต. ได้สั่งการให้ TSFC หารือกับผู้ถือหุ้นเพื่อกำหนดแผนงานการแก้ไขปัญหาภายในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และส่งให้สำนักงาน ก.ล.ต. ทว่าสำนักงาน ก.ล.ต. ยังมีความกังวลต่อแผนดังกล่าว เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนเพียงพอนั้น เพื่อความเป็นธรรมกับผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมที่มีการลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดย TSFC สำนักงาน ก.ล.ต. จึงเห็นควรให้แต่ละบริษัทจัดการพิจารณากองทุนเปิดที่สามารถไถ่ถอนได้ในระหว่างทางในลักษณะที่ไม่ใช่ auto redemption ที่ลงทุนในตราสารหนี้ของ TSFC ดำเนินการแยกส่วนการลงทุนที่เป็นตราสารหนี้ของ TSFC ออกจากการลงทุนในหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่นๆ กองทุนรวมไว้ต่างหาก (set aside) เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2551 นั้น บลจ.บัวหลวง ขอแจ้งไปยังผู้ถือหน่วยลงทุน และตัวแทนขายทั้งหมดให้ทราบว่า ปัจจุบันกองทุนรวมทุกกองทุนภายใต้การบริหารของบริษัทไม่ได้มีการลงทุนในตราสารหนี้ของ TSFC แต่อย่างใด
“กองทุนทุกกองทุนของ บลจ.บัวหลวง ไม่ได้มีการลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดย TSFC มานานแล้ว เราจึงไม่ต้องดำเนินการแยกส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ของ TSFC หรือที่เรียกว่าวิธีการ set aside แต่อย่างใด หลักการลงทุนในตราสารหนี้ บลจ.บัวหลวง เรื่องความปลอดภัยของเงินต้นจะสำคัญที่สุด สำคัญกว่าเรื่องผลตอบแทนสูงที่มีความเสี่ยงสูงตามมา เราจะลงทุนเฉพาะตราสารหนี้ที่รัฐบาลหรือกองทุนฟื้นฟูค้ำประกัน หากเป็นตราสารหนี้เอกชนก็ต้องมีอันดับความน่าเชื่อถือสูงกว่ามาตรฐาน คือ ต้อง A- ขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งนอกจากมีอันดับความน่าเชื่อถือเพียงพอแล้ว เรายังมองถึงสถานภาพของบริษัท โอกาสทางธุรกิจและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นด้วย ซึ่งหลายบริษัทที่ยังมีอันดับความน่าเชื่อถือดี แต่มีโอกาสเสี่ยงสูงขึ้นในอนาคตและอาจส่งผลเสียหายต่อเงินลงทุน เราก็จะไม่ลงทุนอย่างเด็ดขาด” นายวศินกล่าว
ปัจจุบันกองทุนตราสารหนี้ของ บลจ.บัวหลวง ที่เปิดให้ซื้อขายทุกวัน ได้แก่ กองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี ที่เน้นการลงทุนเฉพาะตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ สภาพคล่องสูง เหมาะสมหรับใช้คู่กับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอที่ดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์โดยไม่ต้องเสียภาษี และได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าเงินฝากอย่างต่อเนื่อง ณ 28 พฤศจิกายน 2551 กองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเท่ากับ 34,700 ล้านบาท มีผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีรอบ 3 เดือน เท่ากับ 3.10%ต่อปี รอบ 6 เดือน เท่ากับ 2.91%ต่อปี รอบ 1 ปี เท่ากับ 2.77%ต่อปี รอบ 3 ปี เท่ากับ 3.59%ต่อปี และตั้งแต่เริ่มตั้งกองทุนเท่ากับ 3.40%ต่อปี สำหรับเกณฑ์มาตรฐานสำหรับรอบ 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี และตั้งแต่เริ่มตั้งกองทุนเท่ากับ 11.96%ต่อปี 11.52%ต่อปี 7.36%ต่อปี 6.42%ต่อปี และ 7%ต่อปีตามลำดับ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ในรอบระยะเวลาดังกล่าวอยู่ที่ 0.75%ต่อปี
กองทุนตราสารหนี้แบบมีกำหนดระยะเวลาที่เปิดขายครั้งเดียวได้แก่ กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ ที่มีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากลงทุนเฉพาะตราสารหนี้ภาครัฐในประเทศ กองทุนรวมบัวหลวงธนสาร ลงทุนเฉพาะตราสารหนี้ในประเทศของสถาบันการเงินที่มั่นคง และธนสารพลัส ลงทุนเฉพาะตราสารหนี้ต่างประเทศภาครัฐ หรือสถาบันการเงินที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ A- ขึ้นไป และมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวน ส่วนกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพที่เป็นกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ และล่าสุดกองทุนเปิดบัวหลวงมันนี่มาร์เก็ตเพื่อการเลี้ยงชีพ
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สาขาธนาคารกรุงเทพ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.บัวหลวง โทร. 0 2674 6488 ฝ่ายการตลาด กด 8 หรือ บัวหลวงโฟน 1333