นายประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SPPT เปิดเผยถึงผลประกอบการในปีนี้คาดว่าในส่วนของยอดขายจะมีอัตราการเติบโตจากปีก่อน 22-28% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 860-900 ล้านบาท โดยแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/51 ยอมรับว่าคงจะชะลอตัวเนื่องจากปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ซึ่งส่งผลให้ความต้องการสินค้าลดลงและลูกค้าพยายามลดสินค้าคงคลังให้น้อยที่สุด
"เกี่ยวกับปัญหาภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำทั่วโลก เป็นเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุมของ SPPT อย่างไรก็ตามเราก็ไม่ประมาท พยายามควบคุมต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจออกไปเพื่อกระจายความเสี่ยง โดยกลุ่ม NON HARD DISK DRIVE ถือว่าน่าสนใจเพราะเป็นกลุ่มที่มีมาร์จิ้นค่อนข้างสูง และในงวด 9 เดือนที่ผ่านมาของ SPPT ธุรกิจนี้มีอัตราการเติบโตมากถึง 149%"
เขากล่าวต่อถึงผลประกอบการในไตรมาส 3/51 ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยมีรายได้ 254.5 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน 177.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% และมี กำไรสุทธิ 28.1 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 19.1 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 47% ถ้าเทียบกับไตรมาสที่แล้ว( Q2/2551) ที่มีรายได้ 183.7 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 7 ล้านบาท มีรายได้เพิ่มขึ้น 38.5% และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 293% สำหรับรายได้ งวด 9 เดือน มีรายได้ 661 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 63.2 ล้านบาท เทียบกับปี 2550 ที่มีรายได้ 495 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 53.1 ล้านบาท มีรายได้เพิ่มขึ้น 33.4% และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 19%
สาเหตุที่บริษัท มียอดขายเพิ่มขึ้น และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากนโยบายของบริษัทที่มุ่งขยายผลิตภัณฑ์ไปยังธุรกิจ NON HARD DISK DRIVE และการลดค่าใช้จ่ายทางด้านการขายและการบริหาร โดยในงวด 9 เดือน ธุรกิจ NON HARD DISK DRIVE มีอัตราการเติบโต 149% และคิดเป็นสัดส่วน 25.6% ของยอดขายเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ 14% และเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 16% ของปี 2552 ทั้งปี
รายละเอียดเพิ่มเติม : บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)(SPPT)
บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)(SPPT) กลุ่มบริษัทประกอบด้วยบริษัทย่อย 2 บริษัท คือ บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เมดิคอล พาร์ท จำกัด (“SPMP”) ถือหุ้นโดยบริษัทร้อยละ 49.99 ดำเนินธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical Grade) และบริษัท ซิงเกิ้ลพอยท์ เอ็นเนอร์ยี่ แอนด์ เอ็นไวรอนเม้นท์ จำกัด (“SPEE”) ถือหุ้นโดยบริษัทร้อยละ 49.99 ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานทดแทนโดยการจำหน่าย ประกอบและติดตั้งเครื่องจักรแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันดิบ และจำหน่ายสารเร่งปฏิกริยาในการแปรรูปเศษพลาสติกเป็นน้ำมันดิบ
ลักษณะผลิตภัณฑ์ของบริษัทแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังต่อไปนี้
1. ส่วนประกอบสำหรับผลิตภัณฑ์ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (Hard Disk Drive)
1.1 ชิ้นส่วนสำหรับนำไปประกอบเป็นผลิตภัณฑ์ Pivot ซึ่งเป็นตัวยึดแขนอ่าน
1.2 ชิ้นส่วนสำหรับนำไปประกอบเป็นผลิตภัณฑ์ Spindle Motor ซึ่งใช้ในการขับเคลื่อนแผ่นจานเก็บข้อมูล
2. ส่วนประกอบสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (Non Hard Disk Drive)
2.1 ส่วนประกอบสำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มคอนซูมเมอร์ อิเล็คโทรนิค และเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (Consumer Electronic &Entertainment) เช่น ชิ้นส่วนสำหรับกล้องถ่ายรูป กล้องถ่ายวีดิโอ เอมพี 3 เครื่องเล่นเกมส์
2.2 ส่วนประกอบสำหรับผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ชิ้นส่วนสำหรับรถจักรยานยนต์
3. ชิ้นส่วนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท SPMP โดยได้ดำเนินการจดสิทธิบัตรของผลิตภัณฑ์วาล์วพลาสติกที่ประเทศญี่ปุ่นสำหรับอุปกรณ์การไหลเวียนของเหลวซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถให้ยาแก่ผู้ป่วยที่มีการต่อสายยางจากร่างกายโดยไม่ต้องใช้เข็มฉีดยา
4. เครื่องจักรแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันดิบ ดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท SPEE ทั้งนี้ SPEE จะนำเข้าเครื่องจักรแปรรูปขยะเป็นน้ำมันดิบจากต่างประเทศมาขายและติดตั้งให้กับลูกค้า และมีการบริการต่อเนื่องในการขายเครื่องจักรดังกล่าว คือ การขายตัวเร่งปฏิกิริยาในการสลายพลาสติกเป็นน้ำมันดิบ (Catalyst), การให้บริการในการดูแลรักษาเครื่องจักร (Maintenance) และการบริการขนส่งน้ำมันดิบที่ได้จากขยะไปยังโรงกลั่นน้ำมัน (Logistic)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : คุณปภาดา สุวรรณกูฎ (ตุ้ย) 02-554-9396 , 085-133-0184