อันดับเครดิตของ TISCO สะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไร คุณภาพสินทรัพย์ และฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งของธนาคาร แต่อย่างไรก็ตาม จากการที่ TISCO มีการพึ่งพาแหล่งเงินระยะสั้นเป็นหลักและมีการกระจายตัวของการระดมเงินไม่มากนักทำให้ธนาคารมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องสูงกว่าธนาคารขนาดใหญ่ในประเทศไทย จากการที่สภาพเศรษฐกิจโดยรวมอ่อนแอลง และมีการคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญในปี 2552 โดยฟิทช์ประมาณการณ์การเติบโตของ GDP ประเทศไทยที่ 0.9% อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของธนาคารในปี 2552 สำหรับแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพนั้น สะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรโดยรวม คุณภาพสินทรัพย์ และฐานะเงินกองทุนที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับเดิม แม้ว่าธนาคารจะมีโครงสร้างในด้านการระดมเงินและสภาพคล่องที่อ่อนแอกว่าธนาคารขนาดใหญ่ในประเทศไทย
จากการที่ TISCO มีการพึ่งพาเงินฝากจากลูกค้าผู้ฝากเงินรายใหญ่เป็นหลัก ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งของฐานการระดมเงินของธนาคาร และโดยส่วนใหญ่เป็นหนี้สินระยะสั้น ทำให้เกิดความเสี่ยงขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวนจากภาครัฐในปัจจุบันและแหล่งเงินกู้สำรองของธนาคาร มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในด้านสภาพคล่องของธนาคารลง TISCO มีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนหนี้ระยะยาวและเพิ่มฐานลูกค้าเงินฝากรายย่อยให้มากขึ้นภายใน 2 — 3 ปีข้างหน้า เนื่องจากยอดของเงินฝากที่จะได้รับการคุ้มครองจะทยอยลดลง
ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2551 TISCO มีกำไรสุทธิ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6% จาก 1.2 พันล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกปี 2550 เนื่องจากการขยายตัวของสินเชื่อที่สูง และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากค่านายหน้าการขายประกัน แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าสินเชื่อและผลการดำเนินงานจะชะลอตัวลงในปีหน้า อัตรากำไรส่วนต่างดอกเบี้ยในช่วง 9 เดือนแรกปี 2551 ของ TISCO ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 4%
ณ สิ้นกันยายน 2551 สินเชื่อเพื่อการเช่าซื้อรถยนต์ (18% เป็นสินเชื่อรถยนต์มือสอง) มีสัดส่วนประมาณ 75% ของสินเชื่อทั้งหมดของธนาคาร สำหรับสินเชื่อที่เหลือส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อภาคธุรกิจ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ยังคงทรงตัวอยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท (3.9% ของสินเชื่อ) ในขณะที่ระดับเงินสำรองหนี้สูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ยังคงแข็งแกร่งที่ประมาณ 77%
ธนาคารได้ทำการปรับโครงสร้างของกลุ่ม โดยธนาคารจะโอนการถือหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไปยังบริษัทโฮลดิ้งที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ซึ่งจะถูกจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะส่งผลให้รายได้ของธนาคารลดลง แต่ในระยะยาวคาดว่าจะช่วยให้ผลการดำเนินงานของธนาคารมีเสถียรภาพมากขึ้น
ณ สิ้นกันยายน 2551 เงินกองทุนขั้นที่ 1 ของธนาคารที่ 10% ยังจัดว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ทั้งนี้ฟิทช์คาดว่า TISCO จะรักษาระดับเงินกองทุนไว้ในระดับดังกล่าวต่อไป การมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในฐานะผู้ถือหุ้นจะสามารถช่วยส่งเสริมการขยายธุรกิจของธนาคารได้ แต่อย่างไรก็ตามผู้บริหารยังไม่ได้พิจารณาถึงเรื่องดังกล่าว ณ เวลานี้
TISCO ก่อตั้งในปี 2512 โดยมีฐานะเป็นบริษัทเงินทุน และได้เปลี่ยนสถานะเป็นธนาคารพาณิชย์ในเดือนกรกฎาคม 2548 ธนาคารเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการหลักในการดำเนินธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค การจัดการกองทุน และวาณิชธนกิจ ในประเทศไทย
ติดต่อ
ดรุณี เพียรมานะกิจ, Vincent Milton, กรุงเทพฯ +662 655 4755