อันดับเครดิตของ KBANK สะท้อนการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของผลกำไรจากการดำเนินงาน คุณภาพของสินทรัพย์และฐานะเงินกองทุน รวมทั้งเครือข่ายการดำเนินงานและบริการภายในประเทศที่แข็งแกร่งในกลุ่มลูกค้าภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ภาคธุรกิจขนาดใหญ่และกลุ่มลูกค้าบุคคลของธนาคาร อย่างไรก็ตาม คาดว่าการผลการดำเนินงานในปีหน้าของ KBANK จะปรับตัวลดลงจากการคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงในปี 2552 แต่ทั้งนี้เชื่อว่าการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์และฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งของธนาคาร จะช่วยรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้
ผลการดำเนินงานของ KBANK ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2551 ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องโดยธนาคารมีกำไรสุทธิ 12.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและค่าบริการที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของสินเชื่อ สำหรับงวด 9 เดือนของปี 2551 สินเชื่อของธนาคารยังคงเติบโตขึ้นต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 14% จากยอดสินเชื่อต้นปีนี้ KBANK ยังคงมีอัตรากำไรส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) สูงที่สุดระหว่างธนาคารขนาดใหญ่ โดยธนาคารมีอัตรากำไรส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิสำหรับงวด 9 เดือนปี 2551 ที่ 4% อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสูงถึง 5.7 พันล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นถึง 40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ผลการดำเนินงานในปี 2552 ของ KBANK คาดว่าจะปรับตัวลดลง จากการขยายตัวของสินเชื่อที่คาดว่าจะลดลงและการตั้งสำรองที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลกระทบจากการคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของ GDP ประเทศไทยจะลดลงมาอยู่ที่ 0.9% ในปี 2552
KBANK มีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่ำที่สุดในภาคธนาคารพาณิชย์ไทย โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2551 ธนาคารมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ 37.5 พันล้านบาท หรือ 4.3% ของสินเชื่อรวม ธนาคารมีระดับการกันสำรองหนี้สูญอยู่ที่ 28.7 พันล้านบาท หรือเท่ากับ 77% ของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดใหญ่รายอื่น
เงินกองทุนชั้นที่ 1 และเงินกองทุนรวมของ KBANK อยู่ที่ระดับ 10.8% และ 14.4% ตามลำดับ ณ สิ้น กันยายน 2551อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติตามมาตรฐาน Basel II ในสิ้นปีนี้ อาจส่งผลให้เงินกองทุนของธนาคารลดลงประมาณ 1% เนื่องจากการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์สำหรับความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ แต่ทั้งนี้คาดว่าฐานะเงินกองทุนของธนาคารจะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งต่อไป
ธนาคารกสิกรไทย ซึ่งก่อตั้งในปี 2488 โดยตระกูลล่ำซำ เป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 13% บริษัทลูกที่สำคัญของธนาคารประกอบธุรกิจบริหารกองทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเช่าซื้อ
ติดต่อ
พชร ศรายุทธ, Vincent Milton, กรุงเทพฯ +662 655 4761/4759