นายชนะชัย ลีนะบรรจง ประธานกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) หรือ EMC เปิดเผยว่าตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้คัดเลือกหลักทรัพย์ชุดใหม่ สำหรับการคำนวณดัชนี SET100 ในช่วง 6 เดือนแรกปี 2552 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2552 โดยในส่วนของ EMC ติดอยู่ในรายชื่อหลักทรัพย์สำหรับดัชนี SET100 นั้นสะท้อนว่า EMC เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดรวมหรือ Market Capitalization สูงมีสภาพคล่องในการซื้อขายอย่างสม่ำเสมอ และมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free-float) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ซึ่งเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ EMC จึงทำให้ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในหุ้นของ บริษัท
“ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับ EMC ที่ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในกลุ่มหลักทรัพย์ใหม่ สำหรับการคำนวณดัชนี SET100 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 เพราะหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มีมากกว่า 300 หลักทรัพย์ นั่นสะท้อนให้เห็นว่า EMC ก็มีดีทั้งในด้านมาร์เก็ตแค็ป สภาพคล่อง และจำนวนนักลงทุนที่ให้ความมั่นใจเข้ามาถือหุ้นจำนวนมาก ดังนั้นจึงถือเป็น ปัจจัยที่ส่งผลบวกกับบริษัทอย่างมาก เนื่องจากทำให้นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติ ให้ความสนใจหุ้น EMC มากขึ้น ในขณะเดียวกันนักลงทุนทั่วๆ ไปก็จะให้ความสนใจในตัวบริษัทมากขึ้นด้วยเช่นกัน"
ทั้งนี้ การคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ใช้ในการคำนวณดัชนี SET100 ตลาดหลักทรัพย์พิจารณาจากหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเฉลี่ยต่อวันย้อนหลัง 12 เดือนสูงสุด 200 อันดับแรก และนำหลักทรัพย์ดังกล่าวมาพิจารณาคุณสมบัติ ซึ่งประกอบด้วยการเป็นหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่น้อยกว่า 6 เดือนและเป็นหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสม่ำเสมอ โดยพิจารณาจากสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายบนกระดานหลักเทียบกับมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อหุ้นของหุ้นสามัญทั้งตล าดในเดือนเดียวกัน รวมทั้ง การพิจารณาหลักเกณฑ์อื่นๆ ตามที่กำหนด โดยใช้ข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2550 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2551
นอกจากนี้ ยังได้พิจารณาคุณสมบัติตามเกณฑ์อื่นๆ ได้แก่ การมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free-float)ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 และต้องไม่เป็นหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายถูกเพิกถอนตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในเวลาอันใกล้ รวมทั้ง ไม่อยู่ในระหว่างการห้ามซื้อขายเป็นเวลานาน หรือไม่เป็นหลักทรัพย์ที่มีแนวโน้มที่จะถูกห้ามการซื้อขายเป็นเวลานานอีกด้วย
นายชนะชัยกล่าวอีกว่า ปัจจุบัน EMC ถือเป็นบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง จะเห็นได้จากผลประกอบการในงวด 9 เดือนแรกของปี 2551 มีกำไรสุทธิกว่า 60 ล้านบาท ในขณะที่อัตราส่วนทางการเงินต่างๆ ทั้ง ROE , ROA และ D/E ยังอยู่ในระดับที่ดี และปัจจุบัน EMC มีงานในมือ (Backlog) รอรับรู้เป็นรายได้กว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2553 นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการยื่นประมูลงานใหม่อีกมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้รับงานในสัดส่วนที่น่าพอใจ เนื่องจากมีทีมงานที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญ สา มารถทำงานได้อย่างมีคุณภาพและส่งมอบงานให้ลูกค้าได้ตรงตามเวลาที่กำหนด
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปี 2552 คาดว่ามีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลเกี่ยวเนื่องมาจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปและมีแนวโน้มที่ดีขึ้น อีกทั้ง EMC ได้ปรับพอร์ตในการรับงานเพื่อกระจายความเสี่ยงมากขึ้น และเมื่อรวมกับงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ เชื่อว่าจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ มีโอกาสเติบโตได้ในอนาคต
ข้อมูลบริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) หรือ EMC
บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) หรือ EMC ประกอบธุรกิจให้บริการงานด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและเครื่องกลและงานก่อสร้างในแขนงต่างๆ ที่ครบวงจร รวมทั้งงานรับเหมาแบบรวม (Turnkey Contracts) โดยให้บริการตั้งแต่งานสถาปัตยกรรม (Architectural Works) จนถึงการก่อสร้างอาคารเสร็จสมบูรณ์ หรือการรับงานเฉพาะส่วน เช่น การรับงานวางระบบวิศวกรรมไ ฟฟ้าและเครื่องกลเพียงอย่างเดียวหรือการรับงานก่อสร้างอาคารเพียงอย่างเดียวลูกค้าของบริษัทประกอบด้วยลูกค้าจากทั้งภาครัฐบาลและเอกชน
ลักษณะงานวิศวกรรมไฟฟ้าและเครื่องกล ประกอบด้วยการออกแบบและติดตั้งระบบไฟฟ้า การสื่อสารโทรคมนาคม ระบบประปาสุขาภิบาลและระบบป้องกันไฟ ระบบปรับอากาศและระบายอากาศภายในอาคารสูงทั่วไป โรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม โรงพยาบาล คอนโดมิเนียมที่พักอาศัย สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า หรือโรงงานอุตสาหกรรม
สำหรับงานก่อสร้างของบริษัทประกอบด้วยการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ งานก่อสร้างอาคารพาณิชย์ ศูนย์กีฬา อาคารที่อยู่อาศัย สถาบันการศึกษา งานก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม และโครงการบ้านที่อยู่อาศัย เป็นต้น ซึ่งบริษัทให้บริการตั้งแต่งานสถาปัตยกรรมจนถึงการก่อสร้างอาคารจนเสร็จสมบูรณ์ ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทได้ทำการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารงาน รวมทั้งการเน้นการขยายธุรกิจสู่งานวิศวกรรมงานก่อสร้างมากขึ้น นอกเหนือจากงานวิศวกรรมงานระบบ เพื่อรองรับการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : คุณจุฬารัตน์ เจริญภักดี(ฟ้า) 02-5549395 หรือ 089-4888337