ทริสเรทติ้งกล่าวว่า การปรับลดอันดับเครดิตในครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากมติของคณะกรรมการบริษัท ที่ตัดสินใจนำบริษัทเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการภายใต้ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 หลังจากที่บริษัทไม่สามารถบรรลุเงื่อนไขการเพิ่มทุนเร่งด่วนตามที่ ก.ล.ต. กำหนด ผลจากการที่บริษัทได้ดำเนินการดังกล่าว ทำให้มีความเป็นไปได้สูงมาก ที่บริษัทจะระงับการชำระหนี้เงินกู้ที่จะถึงกำหนดชำระในลำดับถัดจากนี้ไป
อันดับเครดิตจะถูกปรับลดเป็นระดับ “D” ในวันที่หนี้ที่ถึงกำหนดชำระในลำดับถัดจากนี้ไป ไม่ได้รับการชำระคืนเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2551 คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีคำสั่งให้บริษัทส่งแผนฟื้นฟูฐานะทางการเงินแก่ ก.ล.ต. ต่อมาในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 ก.ล.ต. ได้มีคำสั่งให้บริษัทส่งแผนเพิ่มทุนเร่งด่วนจำนวน 279 ล้านบาทแก่ ก.ล.ต. เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทสามารถดำรงอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์และภาระผูกพัน (BIS Ratio) ในเกณฑ์ขั้นต่ำที่ระดับ 8% ต่อไปได้ และในวันที่ 12 ธันวาคม 2551 หลังจากที่บริษัทไม่สามารถบรรลุเงื่อนไขการเพิ่มทุน ตามที่กำหนดไว้ได้ บริษัทจึงตัดสินใจเสนอขอความยินยอมจาก ก.ล.ต. เพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ภายใต้ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483
การตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทมีปัญหาด้านฐานะการเงินอย่างรุนแรง และมีแนวโน้มสูงมาก ที่บริษัทอาจจะไม่สามารถชำระหนี้สินที่ยังคงเหลืออยู่ได้ตามกำหนดเวลาและตามเงื่อนไขของภาระผูกพันที่มีอยู่ในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าบริษัทจะยังคงมีสภาพคล่องคงเหลือจำนวนหนึ่งจากการทยอยขายเงินลงทุนในหลักทรัพย์ เพื่อชำระคืนหนี้เงินกู้ต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง ก็ตาม
ก่อนหน้านี้ ทริสเรทติ้งได้ปรับลดอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทจากระดับ “A” เป็น “BBB-“ ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2551 เนื่องจากการถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญของเงินกองทุนของบริษัท อันเป็นผลมาจากการลดลงอย่างรุนแรงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในเดือนตุลาคม 2551 ต่อมาในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 อันดับเครดิตของบริษัทก็ถูกปรับลดลงอีกครั้งเป็นระดับ “BB-“ เนื่องจากทริสเรทติ้ง เห็นว่าแผนการเพิ่มทุนของบริษัทมีความไม่แน่นอนเป็นอย่างมาก ที่จะประสบความสำเร็จได้