นายมนัส แจ่มเวหา รักษาการ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มีดำริให้กรมบัญชีกลาง หาแนวทางช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งที่โรงพยาบาลของรัฐรับไม่ไหว ให้สามารถไปใช้การฉายรังสีที่โรงพยาบาลเอกชนได้โดยให้ควบคุมค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม
เดิมผู้มีสิทธิในระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งและจำเป็นต้องเข้ารับการฉายรังสีในโรงพยาบาลของรัฐต้องรอคิวนาน เนื่องจากโรงพยาบาลของรัฐมีอุปกรณ์ไม่เพียงพอ ต่อความต้องการใช้บริการของผู้ป่วย เช่น สถาบันมะเร็งแห่งชาติสามารถให้บริการผู้ป่วยได้ประมาณวันละ 128 คน แต่ยังมีผู้ป่วยที่รอรับบริการรังสีรักษาในเดือนมกราคม 2552 อีกจำนวน 30 ราย นอกจากนั้นผู้ป่วยไม่สามารถไปใช้บริการฉายรังสีในโรงพยาบาลเอกชนและนำค่าใช้จ่ายดังกล่าวมาเบิกจากทางราชการได้ เนื่องจากเป็นการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยภายนอกและมิใช่กรณีฉุกเฉิน ประกอบกับค่าบริการฉายรังสีของโรงพยาบาลเอกชนมีอัตราที่สูงกว่าโรงพยาบาลของรัฐ
ปัจจุบันมีโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศกว่า 100 แห่ง ที่ให้บริการฉายรังสีได้ ซึ่งกรมบัญชีกลางได้เชิญโรงพยาบาลดังกล่าวเข้าร่วมโครงการ และมีโรงพยาบาล 5 แห่งตอบรับเข้าร่วมโครงการกับกรมบัญชีกลาง ได้แก่
1. โรงพยาบาลวัฒโนสถ ซอยศูนย์วิจัย 7 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพมหานคร
2. โรงพยาบาลศรีสยาม ถนนนวมินทร์ กรุงเทพมหานคร
3. โรงพยาบาลธนบุรี ซอยแสงศึกษา ถนนอิสรภาพ กรุงเทพมหานคร
4. โรงพยาบาลศูนย์มะเร็งกรุงเทพ ซอยอารีย์สัมพันธ์ 1 ถนนพหลโยธิน กรุงเทพมหานคร
5. โรงพยาบาลรังสีรักษาและเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ถนนพระองค์ดำ จังหวัดพิษณุโลก
โดยกรมบัญชีกลางได้เชิญผู้แทนของโรงพยาบาลทั้ง 5 แห่ง เข้าร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับการดำเนินการตามโครงการ คือ ระบบการเบิกจ่าย รายละเอียดของรายการและอัตราค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลเอกชน เรียกเก็บ ตลอดจนค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือจากรายการที่กรมบัญชีกลางกำหนด รวมทั้งได้เจรจาให้ลดราคาค่าบริการลงให้อยู่ในกรอบ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลทั้ง 5 แห่ง เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการปรับลด ราคาค่าบริการเป็นพิเศษสำหรับผู้ป่วยที่มีสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ปัจจุบันกรมบัญชีกลาง และโรงพยาบาลเอกชนทั้ง 5 แห่ง อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำบันทึกข้อตกลงและคาดว่าจะสามารถเริ่มให้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2552
เป็นต้นไป
สำหรับขั้นตอนการปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยที่จะเข้าร่วมโครงการนั้น ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล ในโรงพยาบาลของรัฐก่อน หากโรงพยาบาลของรัฐส่งต่อผู้ป่วยไปรับบริการฉายรังสีที่โรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ กรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินค่าฉายรังสีให้แก่โรงพยาบาลเอกชน โดยผู้ป่วยไม่ต้องทดรองจ่ายเงินค่ารักษาในส่วนที่เบิกได้ สำหรับค่ารักษาอื่นที่ไม่อยู่ในรายการที่กำหนด หรือส่วนเกินสิทธิที่ไม่สามารถเบิกได้ โรงพยาบาลเอกชนจะเรียกเก็บจากผู้ป่วยโดยตรง ทั้งนี้ โรงพยาบาลเอกชนจะต้องแจ้งค่าใช้จ่ายส่วนเกินดังกล่าว
ให้ผู้ป่วยทราบก่อนเข้ารับบริการ เพื่อให้ผู้ป่วยพิจารณาว่าจะเข้ารับบริการฉายรังสี ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งนั้นหรือไม่
ทั้งนี้ จากข้อมูลที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติรวบรวม ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคมะเร็ง จำนวน 102,765 ราย โดยแยกเป็น ชาย จำนวน 43,594 ราย และหญิง จำนวน 59,171 ราย