สมาคมนักวิเคราะห์ฯ แนะรัฐบาลใหม่ลดภาษีและดูแลผู้ตกงาน

พุธ ๒๔ ธันวาคม ๒๐๐๘ ๑๗:๒๔
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์ฯ เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ครั้งล่าสุดว่า จากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกที่บานปลายขึ้นเรื่อยๆ ตลอดจนข้อติดขัดทางเมืองไทย รวมถึงเหตุการณ์ผลกระทบต่อภาคท่องที่ยวและส่งออก ทำให้นักวิเคราะห์สมาชิกของสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ยังคงปรับลดประมาณการตัวเลขทางเศรษฐกิจสำคัญใหม่ โดยปรับลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 52 เหลือ 0.7% ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ ปลายปี 52 เหลือ 547 จุด โดยคาดว่าจุดสูงสุดของดัชนีปี 52 จะอยู่ที่ 590 จุด และจุดต่ำสุดจะอยู่ที่ 364 จุด ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนปีหน้าจะมีกำไรสุทธิต่อหุ้นลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ (-4.9)% พร้อมเสนอแนะภาครัฐจับตาสามปัญหาหลัก ได้แก่ ปัญหาการว่างงาน ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาทางการเมือง นอกจากนี้ แนะนำรัฐบาลใหม่ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือภาษีมูลค่าเพิ่ม เร่งการใช้จ่ายและโครงการลงทุนภาครัฐ กระตุ้นการท่องเที่ยว รวมถึงเร่งสร้างเสถียรภาพทางการเมือง และเสริมสร้างความสามัคคี

มีสำนักวิจัยจากบริษัทหลักทรัพย์แสดงความเห็นรวม 18 แห่ง

สมมติฐานหลักที่นักวิเคราะห์ใช้ประกอบการทำบทวิเคราะห์ในปี 52

- ปัจจัยบวก

1) อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ มีผู้ตอบร้อยละ 78

2) ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ มีผู้ตอบร้อยละ 61

3) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ประกอบด้วยการเร่งการใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุน มีผู้ตอบร้อยละ 56

4) อัตราเงินเฟ้อที่ลดลง มีผู้ตอบร้อยละ 33

5) ปัจจัยทางการเมืองซึ่งมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และมีแนวโน้มดีขึ้น มีผู้ตอบร้อยละ 28

- ปัจจัยลบ

1) สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ที่ประสบภาวะวิกฤต และอาจถดถอยมากกว่าที่คาด มีผู้ตอบร้อยละ 83

2) สถานการณ์ทางการเมืองและเสถียรภาพรัฐบาล มีผู้ตอบร้อยละ 61

3) มีผู้ตอบร้อยละ 50 เท่ากันสองปัจจัย คือ รายได้จากการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทยที่ลดลง และภาวะเศรษฐกิจไทยที่อัตราการเจริญเติบโตมีแนวโน้มลดลง หรืออาจติดลบ ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเติบโตในอัตราที่ลดลงหรือติดลบ

4) อัตราการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น และส่งผลให้กำลังซื้อและการใช้จ่ายภาคครัวเรือนในประเทศลดลง มีผู้ตอบร้อยละ 33

ระดับความเชื่อมั่นในเสถียรภาพรัฐบาล

- ก่อนเปลี่ยนขั้วการเมือง: ได้คะแนน 1.33 จากคะแนนเต็ม 5

- หลังเปลี่ยนขั้วการเมือง: ได้คะแนน 3.06 จากคะแนนเต็ม 5

ปัญหาที่ภาครัฐต้องจับตาและเตรียมการรองรับมากที่สุด

1) มีผู้ตอบร้อยละ 56 เท่ากันสองปัจจัย คือ ปัญหาการว่างงาน และรายได้ที่ลดลงจากการชะลอตัวของการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ซบเซา

2) ปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งในไทยและเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลต่อเนื่องให้สภาพคล่องทางการเงินมีการตึงตัว มีผู้ตอบร้อยละ 28

3) ปัญหาทางการเมือง รวมถึงการชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มต่าง ๆ มีผู้ตอบร้อยละ 22

ข้อแนะนำสำหรับรัฐบาลใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อภาวะเศรษฐกิจ สังคม และตลาดทุนไทย

- สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน นักธุรกิจ และผู้บริโภค โดยใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านนโนบายการเงินการคลัง เช่น ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา, ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม, เร่งโครงการลงทุนและการใช้จ่ายภาครัฐ, ดูแลให้มีสภาพคล่องทางการเงินและการปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจรายย่อย, สร้างงาน, ช่วยหาตลาดส่งออกใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ เป็นต้น รวมถึงสร้างเสถียรภาพทางการเมืองและแก้ปัญหาความขัดแย้งในประเทศ มีผู้ตอบร้อยละ 83

- กระตุ้นและฟื้นฟูการท่องเที่ยว รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ มีผู้ตอบร้อยละ 17

- มาตรการด้านสังคม เช่น ดูแลด้านสวัสดิการให้กับผู้ว่างงาน, สร้างความสมานฉันท์ในสังคม, เสริมสร้างความสามัคคีของคนไทย มีผู้ตอบร้อยละ 17

ตัวเลขคาดการณ์ที่สำคัญ สำหรับปี 2552

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83 ได้ปรับตัวเลขคาดการณ์ที่สำคัญ ให้ใกล้เคียงกับสถานการณ์ปัจจุบันแล้วตามรายละเอียดดังข้างล่างนี้

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ หรือ SET Index

- ณ สิ้นปี 2552 ปรับลดลงจากการสำรวจเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยตัวเลข สิ้นปี 2552 คาดการณ์ล่าสุดอยู่ที่เฉลี่ย 547 จุด จากเดิมคาดไว้ 671 จุด โดยตัวเลขสิ้นปีสูงสุดที่มีผู้ตอบคือ 620 จุด และมีผู้ตอบตัวเลขสิ้นปีไว้ต่ำสุดที่ 471 จุด

- จุดสูงสุด ของ SET Index ในปี 2552 นักวิเคราะห์ประเมินไว้ที่เฉลี่ย 590 จุด

- จุดต่ำสุด ของ SET Index ในปี 2552 นักวิเคราะห์ประเมินไว้ที่เฉลี่ย 364 จุด

- ไตรมาสที่แตะจุดต่ำสุด ของปี 2552 นักวิเคราะห์ร้อยละ 42 คาดว่าจะเป็นไตรมาสแรก นักวิเคราะห์ร้อยละ 38 คาดว่าจะอยู่ในไตรมาสสอง มีนักวิเคราะห์ร้อยละ 12 ที่คาดว่าจุดต่ำสุดจะอยู่ในไตรมาสที่สาม และมีร้อยละ 8 ที่คิดว่าจุดต่ำสุดอยู่ไตรมาสที่ 4

อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ หรือ GDP Growth ทั้งปี 2552

- ตัวเลขคาดการณ์เฉลี่ยที่ 0.7% จากประเมินครั้งที่แล้วที่ 4.0% โดยมีนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ไว้สูงสุดสำหรับ GDP ปี 52 ที่ 2.5% ส่วนผู้ที่คาดการณ์ GDP ปี 52 ไว้ต่ำสุด อยู่ที่ ลบ 4%

ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน หรือ EPS Growth ทั้งปี 2552

- คาดการณ์มีการเติบโตติดลบ เฉลี่ยที่ (-4.9)% ลดลงจากครั้งที่แล้วที่คาดว่าเป็นบวก 2.3%

อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทและดอลลาร์สรอ. ณ สิ้นปี 2552

- ตัวเลขคาดการณ์เฉลี่ยที่ 35.3 บาทต่อดอลลาร์สรอ.

อัตราดอกเบี้ย RP 1 วัน ณ สิ้นปี 2552

- นักวิเคราะห์ประเมินอัตราดอกเบี้ย RP 1 วันเฉลี่ยอยู่ที่ 1.58%

ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ Consumer Price Index (CPI) เฉลี่ยทั้งปี 2552

- โดยเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ 1.5% มีผู้คาดการณ์สูงสุดที่ 2.6% และมีผู้คาดการณ์ต่ำสุดที่ 0.5%

อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ของกลุ่มธุรกิจสำคัญ

- ปี 2551 จากผลการสำรวจ พบว่า นักวิเคราะห์ยังคงคาดการณ์ว่า กลุ่มธนาคารมีอัตราการเติบโตสูงสุด โดยมีค่าเฉลี่ย EPS Growth ของปี 2551 ที่ร้อยละ 306.7 กลุ่มอาหารยังเป็นอันดับสอง โดยเติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 41.4 กลุ่มเดินเรือ เป็นอันดับสาม เติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 21.9 ตามด้วยกลุ่มสื่อสาร เติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 21.5 และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 16.7

- ปี 2552 นักวิเคราะห์คาดว่าในปี 2552 กลุ่มธุรกิจส่วนใหญ่ จะมีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นติดลบ โดยมีเพียงกลุ่มโรงแรมที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นและยังเป็นบวก ที่เฉลี่ยร้อยละ 10 (ทั้งนี้เป็นการฟื้นตัวจากปี 51 ที่คาดว่ากำไรเติบโต ติดลบ 7.8%) กลุ่มสื่อสาร มีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นติดลบน้อยที่สุดที่เฉลี่ยร้อยละ (-0.3) กลุ่มที่กำไรต่อหุ้นหดตัวมากที่สุด คือ กลุ่มเดินเรือ โดยมีอัตราเฉลี่ยที่ร้อยละ (-41.8)

คำแนะนำแก่นักลงทุน

- สำหรับการลงทุนระยะยาว ให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดมั่นคง ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวน้อย สามารถจ่ายเงินปันผลได้ มีแนวโน้มเติบโตในอนาคตโดยควรศึกษาปัจจัยพื้นฐานของหุ้นให้รอบคอบก่อนลงทุน

หุ้นแนะนำ

หุ้นเด่นที่นักวิเคราะห์แนะนำให้ลงทุนตรงกันหลายสำนักวิจัย ได้แก่ ADVANC, BANPU, KBANK, PTT, SCB เป็นต้น (เรียงตามลำดับตัวอักษร)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ

สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โทร. 02-229-2329, 02-229-2355-6 อีเมล์ [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘ เม.ย. ARDA จับมือ ฟาร์ม เอ็กซ์โป และพันธมิตร เปิดศึก AGRITHON by ARDA Season 2 เฟ้นหาสุดยอดไอเดียปลุกพลังนวัตกรรมเกษตรไทย ชิงทุนวิจัยรวมกว่า 100
๑๘ เม.ย. กรุงศรี ฉลอง 80 ปี ดูหนัง 80 บาท ที่ Major Cineplex เมื่อชำระด้วยบัตรกรุงศรี เดบิตและบัตร Krungsri Boarding
๑๘ เม.ย. แบรนด์ซุปไก่สกัด รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในโครงการ สมองล้าอย่าขับ พักดื่มแบรนด์ จับมือ ตำรวจทางหลวง และ ตำรวจจราจร
๑๘ เม.ย. ซัมซุงจัดใหญ่! เป็นเจ้าของ ตู้เย็น Side by Side รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมรับสิทธิพิเศษแบบจุใจ ได้แล้ววันนี้
๑๘ เม.ย. ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดกนง.มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนเมษายนนี้
๑๘ เม.ย. EXIM BANK ร่วมกับกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs รับมือนโยบายภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ
๑๘ เม.ย. ปักหมุด! เตรียมจัดงาน PET Expo Thailand 2025 จัดยิ่งใหญ่ครบรอบ 25 ปี
๑๘ เม.ย. ลดคลายร้อน ช้อปแลคตาซอย 1,000 ลด 100 พร้อมชวนร่วมสนุกถ่ายภาพคู่แลคตาซอย ลุ้น 10 รางวัล
๑๘ เม.ย. DITP ประชุมผู้จัดแสดงสินค้า เตรียมความพร้อมสู่เวที THAIFEX - ANUGA ASIA 2025
๑๘ เม.ย. โรงแรมเครือดุสิตธานี เปิดตัวโปรพิเศษต้อนรับซัมเมอร์ 'A Night on Us' เติมเต็มวันพักผ่อนอย่างมีความสุขกับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานีทั่วโลก