ตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษ นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการ บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (“SECC”) และพวกอีก 4 ราย ต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เนื่องจากปรากฏหลักฐานน่าเชื่อว่า บุคคลดังกล่าว ทุจริต ยักยอกทรัพย์สินของบริษัท โดยการจัดทำเอกสารอันเป็นเท็จ ในการสั่งซื้อสินค้ารถยนต์ที่ไม่มีจริง เพื่อเป็นเหตุอำพรางให้ต้องจ่ายเงินจากบัญชี SECC เพื่อซื้อสินค้ารถยนต์ที่ไม่มีจริงนั้น ให้แก่ตนเอง หรือบุคคลอื่น ทำให้บริษัท SECC ได้รับความเสียหายจำนวนมาก นั้น
โดยที่การกระทำความผิดดังกล่าวมีลักษณะอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ประชาชน ที่มีทุนทรัพย์และอัตราโทษสูง มีเหตุอันควรเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวจะยักย้ายหรือจำหน่ายทรัพย์สิน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 267 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 สำนักงาน ก.ล.ต. ด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ก.ล.ต. จึงได้มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของบุคคลที่สำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวโทษว่ากระทำผิดทุกราย คือ (1) นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์(2) นางสาวนิภาพร คมกล้า (3) นายกฤช เอกมงคลการ (4) บริษัทแอปเปิล กรุ๊ป จำกัด และ (5) บริษัทคิว อาร์ ออโต้ คาร์ จำกัด
พร้อมกันนี้ เพื่อป้องกันบุคคลที่ถูกสำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวโทษหลบหนีออกนอกราชอาณาจักร สำนักงาน ก.ล.ต. จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 267 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน ร้องต่อศาลอาญา และศาลได้มีคำสั่งสั่งห้ามนางสาวนิภาพร คมกล้า และ นายกฤช เอกมงคลการ เดินทางออกนอกราชอาณาจักรแล้วด้วย
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า “กรณี SECC นี้ ก.ล.ต. ได้ทำการตรวจสอบเชิงลึกจนพบกรณีทุจริตอันนำไปสู่การกล่าวโทษและอายัดทรัพย์สินผู้บริหารรายนายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์และพวก ซึ่งเป็นการใช้อำนาจสั่งอายัดทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวโทษเป็นครั้งแรก และต่อไป ก.ล.ต. จะนำมาตรการนี้ มาใช้อีกตามความเหมาะสมเพื่อเป็นการป้องปรามการกระทำผิด นอกจากนี้ ขณะนี้ ก.ล.ต. ยังอยู่ระหว่างทำการตรวจสอบบทบาทและการปฏิบัติหน้าที่ทั้งของคณะกรรมการของ SECC และของผู้สอบบัญชีอีกด้วย ซึ่งผลของการติดตามและตรวจสอบดังกล่าว ก.ล.ต. จะแจ้งให้สาธารณชนทราบต่อไป”
ฝ่ายงานเลขาธิการ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
โทรศัพท์ 0-2695-9502-5
โทรสาร 0-2256-7755
E-mail: [email protected]