จากการสืบทราบว่า จะมีผู้นำยาเสพติดให้โทษลักลอบหนีศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร นายอุทิศ ธรรมวาทิน อธิบดีกรมศุลกากรจึงได้สั่งการให้ นายสมชาย พูลสวัสดิ์ รองอธิบดีด้านปราบปราม และนายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและปราบปราม ดำเนินการวางแผนจับกุมผู้กระทำผิด
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2552 เวลา 14.30 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ฯ สำนักสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ห้องผู้โดยสารขาเข้า อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ชั้น 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้พบชายชาวต่างชาติ แต่งกายสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำตาล สวมกางเกงขายาวสีกากี เดินเข้ามาภายในบริเวณช่องตรวจไฟเขียวหมายเลข 3 ซึ่งมีข้อความภาษาอังกฤษว่า “NOTHING TO DECLARE” ภาษาไทยว่า “ไม่มีของต้องสำแดง” โซน B ชั้น 2 อาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีลักษณะท่าทางพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าแสดงตัวขอตรวจค้นเอกสารและสัมภาระ จากการตรวจสอบพบว่าชายดังกล่าวชื่อ MR.SHAHZAD NAEEM อายุ 34 ปี สัญชาติ PAKISTANI ถือหนังสือเดินทางประเทศ PAKISTAN หมายเลข DY5149851 เดินทางมาจากเมือง COLOMBO ประเทศศรีลังกา ปลายทางประเทศไทย โดยสายการบิน SRILANKAN AIRLINES เที่ยวบินที่ UL 422 ของวันที่ 10 มกราคม 2552 เจ้าหน้าที่ฯ ได้ตรวจค้นสัมภาระไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่จากการสัมภาษณ์พูดคุยพบพิรุธในการตอบคำถามหลายประการ เจ้าหน้าที่ฯ สงสัยว่าจะมีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ในร่างกาย จึงได้นำตัวไปเอ็กซ์เรย์และพบว่าในช่องท้องของ MR.SHAHZAD NAEEM มีก้อนวัตถุแปลกปลอมซุกซ่อนอยู่จำนวนมาก เจ้าหน้าที่ฯจึงได้ให้ MR.SHAHZAD NAEEM ถ่ายสิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกาย ลักษณะเป็นแท่งทรงกลมรี สีขาว ห่อหุ้มด้วยถุงยางและพันด้วยพลาสติกใส ขนาดโดยประมาณต่อก้อนเส้นรอบวงประมาณ 6 ซม.ยาวประมาณ 4 ซม. แกะออกมาพบเป็นผงสีขาวอัดแน่น เมื่อนำมาทดสอบเบื้องต้นด้วยสารเคมี ปรากฏผลเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ประเภทเฮโรอีน โดย MR.SHAHZAD NAEEM ได้ให้การว่าตนได้รับจ้างนำของดังกล่าวมาจากเมืองCOLOMBO ประเทศศรีลังกา ปลายทางประเทศไทย โดยจะมีโทรศัพท์ติดต่อมานัดหมายต่อไป เจ้าหน้าที่รวบรวมของกลางได้ทั้งสิ้นจำนวน 100 ก้อน น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 1,100 กรัม
เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ MR.SHAHZAD NAEEM รับทราบว่า การมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เฮโรอีน ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ยึดของดังกล่าว และนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป