ปัจจุบันกรมธนารักษ์มีผู้เช่าที่ราชพัสดุทั่วประเทศประมาณ 115,000 ราย ประกอบด้วย ผู้เช่าที่ดินที่ราชพัสดุประมาณ 97,500 ราย และผู้เช่าอาคารราชพัสดุ ประมาณ 17,500 ราย และในปี 2552 จะมีผู้เช่าเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 6,600 ราย โดยจะต้องมีการจัดเก็บค่าเช่า ค่าธรรมเนียมต่างๆ เป็นเงินจำนวนประมาณ 2,700 ล้านบาทต่อปี ในการนี้ ผู้เช่าจะต้องติดต่อกับกรมธนารักษ์ หรือสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ทั่วประเทศเพื่อชำระค่าเช่า ค่าธรรมเนียม และเงินอื่นๆ เกี่ยวกับที่ราชพัสดุเป็นประจำ ซึ่งเป็นภาระทั้งด้านค่าใช้จ่ายและเวลาแก่ทั้งผู้เช่าและกรมธนารักษ์ ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชน กรมธนารักษ์จึงได้ร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ในการรับชำระค่าเช่า ค่าธรรมเนียมและเงินอื่น ๆ เกี่ยวกับที่ราชพัสดุดังกล่าว อันเป็นการเพิ่มช่องทางการชำระเงินสำหรับผู้เช่าที่ราชพัสดุในการที่จะได้รับความสะดวก โดยไม่ต้องมาที่กรมธนารักษ์หรือสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ ซึ่งเป็นการลดภาระและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อีกทั้งสามารถชำระค่าเช่าและเงินต่าง ๆ ได้ภายในกำหนดเวลาที่กรมธนารักษ์กำหนด ซึ่งกรมธนารักษ์ได้เคยร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มาแล้ว
ทั้งนี้ ผู้เช่าที่ราชพัสดุสามารถชำระค่าเช่า ค่าธรรมเนียม และเงินอื่น ๆ เกี่ยวกับที่ราชพัสดุ ผ่านระบบการชำระเงิน โดยในส่วนของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้ 3 ช่องทาง ประกอบด้วย ชำระผ่านเคาน์เตอร์ของธนาคารทุกสาขาทั่วประเทศ ชำระผ่านตู้ ATM และบริการ SCB Online สำหรับในส่วนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด สามารถชำระได้ที่เคาน์เตอร์ของทั้ง 2 หน่วยงานทุกสาขาทั่วประเทศ
โครงการดังกล่าวจะเริ่มให้บริการแก่ผู้เช่าที่ราชพัสดุได้ ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2552 เป็นต้นไป