ตามที่คณะกรรมการของ TSFC แจ้งความประสงค์จะดำเนินการเพื่อนำบริษัทเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการภายใต้ พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 และคณะกรรมการกำกับตลาดทุนพิจารณาเห็นว่าแนวทางดังกล่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ที่มีส่วนได้เสียของ TSFC คณะกรรมการกำกับตลาดทุนจึงมีมติให้เวลาแก่บริษัทเพื่อจัดทำเอกสารประกอบการขอความยินยอมในการฟื้นฟูกิจการ ซึ่ง TSFC ในฐานะที่เป็นบริษัทหลักทรัพย์มีหน้าที่ต้องยื่นคำขอความยินยอมต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ตามที่ประกาศกำหนด นั้น
เมื่อถึงเวลาที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนด TSFC ได้มีหนังสือขอให้คณะกรรมการกำกับตลาดทุน ขยายระยะเวลาในการยื่นคำร้องดังกล่าวต่อไปจนถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2552 และกลุ่มเจ้าหนี้ก็มีหนังสือถึงสำนักงาน ก.ล.ต. เช่นกัน เพื่อให้พิจารณาตามที่บริษัทร้องขอ เพื่อให้เจ้าหนี้และบริษัทมีเวลาพอสมควรในการพิจารณาการปรับโครงสร้างหนี้โดยไม่ผ่านกระบวนการทางศาล ซึ่งจะทำให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ได้รวดเร็วขึ้น และหากการฟื้นฟูกิจการตามแนวทางดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้ภายในระยะเวลาที่ร้องขอ TSFC จะขออนุมัติฟื้นฟูกิจการภายใต้ พ.ร.บ. ล้มละลายฯ ต่อไป
คณะกรรมการกำกับตลาดทุนพิจารณาแล้วมีความเห็นว่า ที่ผ่านมา TSFC มีความคืบหน้าและความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาฐานะการเงินมาโดยตลอด และได้เปิดเผยข้อมูลฐานะการเงินของบริษัทที่เป็นปัจจุบันให้สาธารณชนรับทราบแล้ว คณะกรรมการกำกับตลาดทุนจึงมีมติขยายระยะเวลาตามที่ TSFC ขอมา พร้อมกันนี้ เนื่องจากการดำเนินการเพื่อแก้ไขฐานะการเงินของ TSFC ต้องใช้เวลา ดังนั้น เพื่อลดผลกระทบที่อาจมีต่อลูกค้าของ TSFC คณะกรรมการกำกับตลาดทุนจึงได้สั่งการให้ TSFC มีหนังสือถึงลูกค้า เพื่อแจ้งฐานะการเงินของบริษัทในปัจจุบัน พร้อมทั้งบอกสิทธิของลูกค้าด้วยว่า หากลูกค้าไม่มีหนี้คงค้าง หรือมีหลักประกันวางไว้กับบริษัทเกินกว่าอัตราที่ต้องดำรงไว้ตามเกณฑ์หรือตามข้อตกลงที่ทำไว้ ลูกค้าสามารถถอนเงินสดหรือหลักประกันส่วนที่เกินนั้นออกไปได้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ฝ่ายงานเลขาธิการ : 0-2695-9502-5 e-mail: [email protected]