ธนาคารไทยพาณิชย์ประกาศผลประกอบการปี 2551 แสดงผลกำไรและฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง

จันทร์ ๑๙ มกราคม ๒๐๐๙ ๑๗:๒๒
ปี 2551 ถือได้ว่าเป็นปีที่สถาบันการเงินต่างๆ ทั่วโลกต้องประสบกับภาวะวิกฤตการเงินที่รุนแรง แต่ท่ามกลางวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น ธนาคารไทยพาณิชย์แสดงฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นปี 2551 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระดับที่สูงถึง 16.3% มีกำไรสุทธิปี 2551 จำนวน 21,414 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.4 % จากปี 2550 ซึ่งฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งนี้ เป็นผลจากการที่ธนาคารให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารจัดการด้านความเสี่ยงและผลตอบแทนอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ รายได้รวมของธนาคารปรับเพิ่มขึ้น 12.9% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ สินเชื่อด้อยคุณภาพปรับตัวลดลงอยู่ที่ 5.1% ในด้านกลยุทธ์ธนาคารได้เข้าสนับสนุนและขยายธุรกิจไปในกลุ่มลูกค้าธุรกิจในประเทศ และมุ่งเพิ่มจำนวนการถือครองผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่อลูกค้าให้มากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าบุคคล ซึ่งเป็นฐานลูกค้าใหญ่ของธนาคาร ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยสร้างความเจริญเติบโตแก่ธนาคารในปี 2551

ดร. วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ให้ความเห็นต่อฐานะการเงินที่แข็งแกร่งของธนาคารว่า “การปรับเปลี่ยนการดำเนินงานต่างๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นถึงการดำเนินยุทธ์ศาสตร์ที่ถูกต้อง ถือว่าธนาคารผ่าน บททดสอบในการดำเนินธุรกิจภายใต้สภาวะผันผวน ที่เด่นชัดคือ ผลกำไรในธุรกิจหลักของธนาคารยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องแม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศและของโลกจะประสบภาวะชะลอตัว นอกจากนี้ คุณภาพของสินทรัพย์โดยรวมดีขึ้นเช่นกัน ความสำเร็จทั้งหมดนี้มาจากการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของธนาคารที่ให้บริการทางการเงินที่ครบวงจร (Universal Bank) ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยงในขณะเดียวกันสร้างแหล่งรายได้ที่หลากหลายให้แก่ธนาคาร” ประธานกรรมการบริหารได้กล่าวเสริมว่า “สำหรับปี 2552 ธนาคารตระหนักถึงสถาณการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่ยังมีอยู่ ดังนั้น การดำเนินธุรกิจต่างๆ ของธนาคารจะเป็นไปอย่างรอบคอบและระมัดระวัง ตลอดจนติดตามสถาณการณ์ใกล้ชิดและปรับตัวต่อเนื่อง”

ปี 2551 ธนาคารมีผลกำไรสุทธิที่สูงในระดับ 21,414 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 23.4% จากปี 2550) แม้ว่า ธนาคารจะมีผลขาดทุนส่วนหนึ่งจากการขายและการด้อยค่าของตราสารทางการเงินที่ปรับลดลงตามภาวะตลาดทั่วโลกในช่วงไตรมาสที่ 3 และที่ 4 แต่ธนาคารยังมีระดับกำไรสุทธิที่สูงจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ที่เพิ่มขึ้น 13.2% และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) ที่เพิ่มขึ้น 12.4% จากปี 2550 นอกจากนี้ ธนาคารยังประสบความสำเร็จในการควบคุมและการบริหารค่าใช้จ่ายซึ่งธนาคารดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวมปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน (49.4% ในปี 2551 เทียบกับ 53.0% ในปี 2550) แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์และพนักงานที่เพิ่มขึ้นตามการขยายธุรกิจและการเปิดสาขาใหม่ควบคู่กับผลกำไรสุทธิที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ความแข็งแกร่งด้านเงินกองทุนของธนาคารได้ถูกปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน ณ สิ้นปี 2551 อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคาร อยู่ในระดับสูงที่ 16.30% (เทียบกับ 13.1% ณ สิ้นปี 2550) โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 11.86% ซึ่งเป็นระดับที่สูงเมื่อเทียบกับเกณฑ์ขั้นต่ำตามกฎหมายในระดับ 4.25% เงินกองทุนที่แข็งแกร่งนี้จะเป็นฐานที่สำคัญที่จะช่วยให้ธนาคารสามารถรับมือต่อปัจจัยเสี่ยงต่างๆ จากสภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะชะลอตัวมากขึ้นในอนาคต

ธนาคารได้ให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารความเสี่ยงและผลตอบแทนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ปรับตัวดีขึ้นถึง 0.13% มาอยู่ที่ 3.93 % ณ สิ้นปี 2551 ในขณะเดียวกันจากการตระหนักถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ธนาคารได้เพิ่มความระมัดระวังในการดำเนินการและใช้เกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อที่เข้มงวด ส่งผลให้การขยายตัวของสินเชื่อโดยรวมของธนาคารในปี 2551 อยู่ที่ 5.6% ชะลอลงจากปี 2550 แต่เป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับการขยายตัวของตลาด ในส่วนของคุณภาพสินทรัพย์ มีคุณภาพดีขึ้น โดย ณ สิ้นปี 2551 ระดับของสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ลดลงมาอยู่ที่ 5.1% (เทียบกับ 6.1% ในปี 2550) และมีอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับที่สูงที่ 83.3% นอกจากนี้ เพื่อแสดงถึงการดำเนินการที่รอบคอบและระมัดระวังตลอดจนคำนึงถึงสภาวะเศรษฐกิจในอนาคตที่จะถดถอย ธนาคารได้ปรับเพิ่มการตั้งสำรองรายเดือนจาก 300 ล้านบาทต่อเดือนเป็น 500 ล้านบาทต่อเดือน เริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 4/2551 และจะต่อเนื่องไปในปี 2552

ในด้านกลยุทธ์ กลยุทธ์หลักสำคัญ 2 ประการ ได้แก่ การขยายความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้าธุรกิจในประเทศและการเพิ่มจำนวนการถือครองผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่อลูกค้าให้มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าบุคคลซึ่งเป็นฐานลูกค้าใหญ่ของธนาคาร เป็นแรงผลักดันให้ธนาคารมีผลกำไรสุทธิอยู่ในระดับสูงในปี 2551 และจะเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างความเจริญเติบโตแก่ธนาคารในอนาคตด้วย

นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ให้ความเห็นต่อผลประกอบการว่า “ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของธนาคาร รวมถึงผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2551 นี้ แสดงถึงความสำเร็จและความยั่งยืนใน

แนวทางการทำธุรกิจที่ธนาคารนำมาใช้ นอกจากนั้น ธนาคารมีความพร้อมที่จะรับมือกับความเสี่ยงต่าง ๆภายใต้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว พร้อมทั้งมุ่งมั่นในการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจต่อไปด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง ตามเป้าหมายที่สุดของธนาคารคือ การที่จะให้บริการที่เป็นเลิศและสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุด คืนแก่ลูกค้า ผู้ถือหุ้น พนักงานและสังคม”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ

สื่อสารองค์กร

ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน)

โทร : 02-544-4502, 02-544-4517

Email : [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version