นอกจากนี้ จะมีการสัมมนากลุ่มสมาคมการค้าเพื่อระดมความคิดเห็นในแนวทางการปรับตัว ของกลุ่มสมาคมการค้า 9 ประเภทธุรกิจ ได้แก่ 1. กลุ่มสินค้าเกษตรและแปรรูปสินค้าเกษตร 2. กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและประมง 3. กลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่นและอัญมณี 4. กลุ่มธุรกิจการค้าและการค้าร่วม 5. กลุ่มการเงินและการลงทุน 6. กลุ่มธุรกิจบริการ 7. กลุ่มอุตสาหกรรม 8. กลุ่มธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ และ9. กลุ่มยาและเวชภัณฑ์
นายคมสัน กล่าวว่า ในภาวะปัจจุบันกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนอย่างหนัก ซึ่งได้ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อภาคธุรกิจ ในหลากหลายประเภท ทั้งในเรื่องต้นทุนการผลิต การขนส่ง และระบบการเงินหมุนเวียน เป็นต้น ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในบางรายถึงกับต้องปิดกิจการ เพื่อพยุงตัวเองให้อยู่รอดภายใต้สถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้น
การสร้างความเข้มแข็งและแข็งแกร่งให้กับสถาบันการค้ายิ่งจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากการแข่งขันด้านธุรกิจในปัจจุบัน จะทวีความเข้มข้นมากขึ้น การที่ธุรกิจของคนไทยจะสามารถอยู่ได้ต่อไปในระยะยาว อย่างมั่นคงและยั่งยืนนั้น จะต้องมีพื้นฐานทางธุรกิจที่เข้มแข็ง รู้เท่าทันกระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลก และระบบตลาดการค้าเสรี จึงจะสามารถแข่งขันได้อย่างทัดเทียมทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในระดับสากลซึ่งเป็นที่ยอมรับ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการค้า ไม่ว่าจะเป็นกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ต่างก็มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการที่จะช่วยสร้างรากฐานของธุรกิจให้เข้มแข็ง
ผู้ประกอบการ จะสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถแข่งขันทางธุรกิจได้อย่างคล่องตัว จะต้องมาร่วม เสริมพลังสถาบันการค้าไทย สู้ภัยเศรษฐกิจโลก เพื่อหาทางออก ของปัญหาทางธุรกิจ พร้อมรับฟังแนวทางปรับตัวจากผู้เชี่ยวชาญ ทั้งภาครัฐบาล และภาคเอกชน โดยสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด และสำรองที่นั่งได้ที่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
โทร.02-622-1860-70 ต่อ 263 — 266
ประชาสัมพันธ์ โทร. 02-6221860-76 ต่อ 402-7