ภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension) นับเป็นหนึ่งในปัญหาสาธารณสุขสำคัญที่กำลังคุกคามโลก โดยในปัจจุบันมีประชากรนับพันล้านคนทั่วโลกที่มีภาวะความดันโลหิตสูง และมีการคาดการณ์ว่าในอีก 16 ปีข้างหน้า หรือในปี พ.ศ.2568 ผู้มีภาวะความดันโลหิตสูงจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 พันล้านคน
สำหรับประเทศไทย จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขประมาณการณ์ว่ามีผู้มีภาวะความดันโลหิตสูงประมาณ 10 ล้านคน ซึ่ง 70% ของคนกลุ่มนี้ไม่ทราบว่าตนเองมีภาวะดังกล่าว ทำให้ไม่ได้รับการรักษาหรือการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องเหมาะสม อันจะนำไปสู่การเกิดโรคแทรกซ้อนมากมาย อาทิ อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ด้วย
นพ.ธวัชชัย ภาสุรกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวาน ไทยรอยด์และต่อมไร้ท่อ ให้ข้อมูลว่า “ความดันโลหิต หมายถึงแรงดันเลือดที่เกิดจากการที่หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกาย ในคนปกติจะมีระดับความดันโลหิต 120/80 — 139/89 มิลลิเมตรปรอท หากมีค่าความดันมากกว่านี้จัดว่าเป็นผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง ส่วนสาเหตุของความดันโลหิตสูง 90% ของผู้ที่มีภาวะดังกล่าวไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน พบมากในกลุ่มคนอายุ 40 ปีขึ้นไป นอกนั้นเกิดจากอาการป่วยบางอย่าง เช่นอาการป่วยเกี่ยวกับสมอง ต่อมหมวกไต และต่อมไร้ท่อบางประเภท และผู้มีภาวะความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่มักจะไม่ปรากฏอาการใดๆ จึงไม่ได้เข้ารับการรักษา และไม่มีการควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งในรายที่มีภาวะความดันโลหิตสูงมากๆ อาจนำไปสู่การเสียชีวิตแบบเฉียบพลันได้ ดังนั้นความดันโลหิตสูงจึงเปรียบเสมือน “เพชฌฆาตเงียบ” ที่คร่าชีวิตคนจำนวนมากไปแบบไม่รู้ตัว”
นพ.ธวัชชัย กล่าวต่อไปถึงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงว่า ได้แก่ กรรมพันธุ์ ภาวะอ้วน การรับประทานอาหารรสเค็ม และอายุที่มากขึ้น โดยมีวิธีป้องกันการเกิดภาวะความดันโลหิตสูงได้ โดยการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด และมีการตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ สำหรับการรักษาผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงจะมี 2 ทางเลือก คือ การใช้ยา และไม่ใช้ยาในผู้ป่วย ซึ่งในรายที่เริ่มรู้ตัวว่าเป็น แพทย์จะสามารถรักษาได้โดยป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อน แต่สำหรับผู้ที่มีโรคแทรกซ้อนร่วมด้วย แพทย์จะต้องให้ยาและพยายามควบคุมระดับความดันให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ
“ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้น ทำให้ผู้ป่วยสามารถตรวจวัดความดันโลหิตได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ได้ที่บ้าน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยทราบระดับความดันโลหิตของตนเองตลอดเวลา หากมีระดับสูงผิดปกติก็สามารถรีบไปพบแพทย์หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสม อันจะนำไปสู่การควบคุมระดับความดันโลหิตที่ดีขึ้น ตลอดจนลดปัญหาจากการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้ ความดันโลหิตสูงเป็นเพชรฆาตเงียบ เป็นแล้วไม่หายขาด ต้องดูแลรักษาตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นจึงคุ้มที่จะป้องกันและรักษาก่อนที่จะสายเกินแก้” นพ.ธวัชชัย กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน นายชินการ สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาพันธ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขพบว่าในแต่ละปีมีคนไทยที่มีภาวะความดันโลหิตสูง และทำให้ป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ประมาณ 150,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวปีละกว่า 45,000 ราย ที่เหลืออีก 80% จะมีความพิการ โดยรัฐต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการดูแลผู้ป่วยเหล่านี้ กระทรวงสาธารณสุขจึงแนะนำให้ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ
ด้วยเหตุดังกล่าว บริษัท สมาพันธ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำเข้าอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ชั้นนำ และผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพมานานกว่า 16 ปี จึงร่วมกับ ไมโครไลฟ์ เอ จี ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์วัดความดันระบบอัตโนมัติ จัดทำโครงการ เช็คไลฟ์ วิธ ไมโครไลฟ์ ขึ้น เพื่อให้บริการตรวจวัดความดันฟรีทั่วประเทศ พร้อมแนะนำวิธีง่ายๆ ในการตรวจเช็คสุขภาพด้วยการวัดความดันด้วยตัวเองที่บ้าน ทั้งนี้เพราะต้องการกระตุ้นให้คนไทยหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเองให้ห่างไกลจากโรคที่มาพร้อมกับภาวะความดันโลหิตสูง โดยมีดาราชื่อดัง นายนิรุตติ์ ศิริจรรยา รับหน้าที่แบรนด์แอมบาสเดอร์ ช่วยรณรงค์ให้โครงการ เช็คไลฟ์ วิธ ไมโครไลฟ์ เป็นที่น่าสนใจ และเข้าถึงกลุ่มคนรักสุขภาพได้มากขึ้น
ด้าน นายเจอร์ฮาร์ด ฟริ๊ค (Mr. Gerhard Frick) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคนิค ไมโครไลฟ์ เอ จี ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่บินมาให้เกียรติร่วมงานแถลงข่าวนี้โดยเฉพาะ ได้กล่าวว่า “เครื่องวัดความดันระบบอัตโนมัติ แบรนด์ ไมโครไลฟ์ มีศูนย์การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีคุณภาพและความแม่นยำสูง โดยได้รับการรับรองความแม่นยำระดับสูงสุดจากสถาบันความดันโลหิตสูงจากประเทศอังกฤษและเยอรมัน (British Hypertension Society BHS, German Hypertension Society GS) ที่สำคัญ ไมโครไลฟ์ มีนักวิจัยค้นคว้านวัตกรรมด้านการวัดความดันหลายท่าน อาทิ ดร.เคดับบลิว ฟอร์สเนอร์ ผู้คิดค้นระบบ PAD (Pulse Arrhythmia Detection Technology) เทคโนโลยีใหม่ของโลก ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของไมโครไลฟ์เท่านั้น ที่สามารถวัดความผิดปกติการเต้นของหัวใจได้ ทำให้ ไมโครไลฟ์ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในภาคพื้นยุโรปและเอเชียแปซิฟิก” นายฟริ๊ค กล่าว
โครงการ เช็คไลฟ์ วิธ ไมโครไลฟ์ จะมีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2552 สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้ารับบริการตรวจวัดความดันฟรีได้ที่จุดบริการของร้านขายยาชั้นนำ จำนวน 300 แห่งทั่วประเทศ ที่มีสัญลักษณ์โครงการ “CHECK LIFE with microlife” สอบถามรายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ โทร.0- 2948-4888 หรือ www.samaphan.com
สำหรับสื่อมวลชน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท พีเพิลมีเดีย จำกัด
คุณศิรีวรรณ ธัญญาเจริญศักดิ์ (วรรณ)
โทร. 0-2704-7958 ต่อ 206, 0-86336-3016