โดยกองทุนKTSUP6M6 เปิดจำหน่าย ในวันที่ 28 มกราคม -3 กุมภาพันธ์ 2552 เป็นกองทุนที่มีอายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 2,000 ล้านบาท มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้สถาบันการเงินภาครัฐต่างประเทศ เงินฝาก /ตราสารการเงิน หรือตราสารหนี้ระยะสั้นของบริษัทเอกชนในประเทศที่มีความมั่นคงสูงทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในตราสารการเงินระยะสั้นสกุลดอลลาร์สหรัฐ ( Euro Commercial paper :ECP) ของสถาบันการเงินภาครัฐในเกาหลีใต้ ซึ่งประกอบไปด้วย Export-Import Bank of Korea และ Industrial Bank of Korea ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 35% สถาบันการเงินดังกล่าว ที่ได้รับการจัดอันดับ ความน่าเชื่อถือระยะสั้นในอันดับสูงสุดที่ A 1 โดย S&P และF1 โดย Fitch นอกจากนี้ กองทุนจะลงทุนในตั๋วแลกเงินของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วน 20% และธนาคารธนชาต จำกัด(มหาชน) ในสัดส่วน 10% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่งผลให้กองทุนได้รับผลตอบแทนประมาณการที่ 3.00% ต่อปี ทั้งนี้ การลงทุนในตราสารต่างประเทศจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า การเปิดจำหน่ายกองทุน KTSUP6M6 เนื่องจากการลงทุนในตราสารการเงินของสถาบันการเงินภาครัฐเกาหลีใต้ ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศ ถึงแม้มีคุณภาพเครดิตเท่ากัน และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวนแล้ว อย่างไรก็ตาม มีการ
คาดการณ์ว่า ประเทศเกาหลีใต้มีแนวโน้มเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยเช่นเดียวกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งนี้ ด้วยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในระดับที่ดี ทุนสำรองหนี้ต่างประเทศในระดับสูง และฐานะการคลังที่มีความมั่นคง หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับต่ำ จึงประเมินว่ามีความเสี่ยงต่ำจากการผิดนัดชำระหนี้
นอกจากนี้ สถาบันการเงินภาครัฐเกาหลีใต้ที่กองทุนลงทุน ยังเป็นองค์กรภายใต้การกำกับของรัฐบาลและมีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐเป็นหลัก จึงมีความสำคัญในเชิงนโยบาย (Policy Bank) และสามารถขอรับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลเกาหลีใต้โดยตรง หากมีความจำเป็นซึ่งระบุไว้ในกฎหมายของสถาบันการเงิน ดังนั้น สถาบันการเงินเหล่านี้จึงได้รับการจัดอันดับความเชื่อถือในระดับเดียวกับรัฐบาลเกาหลีใต้ (Pure/Quasi Sovereign Status)
ส่วนกองทุน KTFIX3M2 เปิดจำหน่ายในวันที่ 26 - 30มกราคม อายุโครงการ 3 เดือน มูลค่า 5,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ และเงินฝากธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับความคุ้มครองโดยสถาบันประกันเงินฝาก ซึ่งกองทุนจะลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ 70% และลงทุนในเงินฝาก/บัตรเงินฝากของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) จำนวน 30% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่งผลให้กองทุนมีผลตอบแทนประมาณการที่ 1.45% ต่อปี
ส่วนแนวโน้มภาวะการลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลยังคงมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยรุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี อยู่ที่ 1.69 - 1.85% เนื่องจากความต้องการของกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นของ บลจ.ต่างๆ ที่เปิดจำหน่ายในช่วงนี้ ในขณะที่แนวโน้มตลาดยังคงมีโอกาสปรับลดลง เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ แสดงสัญญาณชะลอตัวอย่างชัดเจน ทำให้ตลาดส่วนใหญ่ยังคาดการณ์ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25 — 0.50%
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ไก่ โทร 0-2670-4900 ต่อ 1235