สำหรับธุรกิจหลักของ TSFC ซึ่งเป็นการให้สินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และการลงทุนในหลักทรัพย์สำหรับผู้ลงทุนนั้น บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเห็นว่า จะยังคงเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนต่อไปได้ ถึงแม้ผลตอบแทนอาจไม่สูง แต่มีโอกาสทางธุรกิจจากการดำเนินธุรกรรมซื้อคืนภาคเอกชน (Private Repo) ซึ่งยังมีโอกาสขยายตัวต่อไปได้อีก
นอกจากการเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ และสำหรับผู้ลงทุนแล้ว TSFC ยังทำให้ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างเสมอภาค จึงถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ดังนั้น บริษัทหลักทรัพย์ ควรให้ความสำคัญในการสนับสนุนแผนการปรับโครงสร้างของ TSFC ในครั้งนี้ โดยเฉพาะบริษัทหลักทรัพย์ที่ใช้บริการ TSFC ควรมีการร่วมลงทุนรวมกันไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการเจรจากับผู้ถือหุ้นเดิมรายอื่น ๆ และรายใหม่ เพื่อขอความร่วมมือในการร่วมทุนในแผนปรับโครงสร้าง TSFC ครั้งนี้ด้วย
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ว่าจ้าง บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ศึกษาและวิเคราะห์โครงการดำเนินธุรกรรมซื้อคืนภาคเอกชน (Private Repo) เพื่อเพิ่มธุรกิจให้กับ TSFC ด้วย ซึ่งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ก็ได้ให้ความเห็นว่า ธุรกิจ Private Repo มีโอกาสเติบโต เนื่องจากตลาดพันธบัตรมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น และจะเป็นทางเลือกของผู้ลงทุน รวมทั้งเป็นโอกาสในการเพิ่มธุรกรรมของบริษัทหลักทรัพย์ในอนาคตด้วย
ติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036 / กนกวรรณ เข็มมาลัย โทร. 0-2229 — 2048 / วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797