นายทวีศักดิ์ ฟุ้งเกียรติเจริญ กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวว่า “บสย. ได้ร่วมหารือ กับ ธปท. และ ธนาคารพาณิชย์เกี่ยวกับโครงการค้ำประกันสินเชื่อแบบ Portfolio Guarantee Scheme ที่พิจารณาค้ำประกันสินเชื่อเป็น Port กลุ่มใหญ่ ครั้งละประมาณ 1,000 — 5,000 ล้านบาท การค้ำประกันสินเชื่อจะช่วย SMEs ทุกกลุ่มแต่จะเน้นช่วยเหลือกลุ่มท่องเที่ยวที่ประสบปัญหาในปัจจุบันตามนโยบายรัฐบาลสนับสนุน Resort และธุรกิจส่งออก โรงแรม ร้านอาหาร โดยจะกระจายการค้ำประกันกับสถาบันการเงินต่างๆอย่างเท่าเทียมกัน และไม่กระจุกตัวกับสถาบันการเงินแห่งใดแห่งหนึ่ง ซึ่งปกติวงเงินค้ำประกันเฉลี่ยประมาณสองล้านบาทต่อราย จะทำให้การค้ำประกันครอบคลุมเอสเอ็มอีประมาณ 15,000 ราย ก่อให้เกิดการจ้างงานทั้งเอสเอ็มอี และอุตสาหกรรมต่อเนื่องประมาณ 3 แสนคน ทั้งนี้การค้ำประกันสินเชื่อของเอสเอ็มอีจะช่วยให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบ 9-10 เท่าหรือประมาณ 3 แสนล้านบาท
สำหรับการร่วมรับความเสี่ยงได้ตกลงกับสถาบันการเงินแล้วว่า หากตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสถาบันการเงินใดไม่เกินร้อยละ 12 บสย.จะรับภาระหนี้ครอบคลุม ร้อยเปอร์เซนต์ หากภาระหนี้เอ็นพีแอลอยู่ระหว่างร้อยละ 14 บสย.จะเข้ารับความเสียหายร้อยละ 75 ธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อรับภาระร้อยละ 25 หากเอ็นพีแอลอยู่ที่ร้อยละ 14-18 บสย.จะรับความเสี่ยงคนละครึ่งกับแบงก์ที่ปล่อยสินเชื่อ โดย บสย. สามารถอนุมัติการค้ำประกันให้กับลูกค้าได้ภายใน 3-5 วัน แต่ค่าธรรมเนียมในการค้ำประกันความเสี่ยงยังคงเก็บเท่าเดิมที่ร้อยละ 1.75 ของยอดสินเชื่อ แม้ว่าเศรษฐกิจถดถอยมีความเสี่ยงต่อหนี้เสียเพิ่มแทนที่บสย.จะปรับเพิ่มค่าธรรมเนียม แต่ยังคงจัดเก็บอัตราเท่าเดิม เพราะต้องการช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยโครงการดังกล่าวจะให้สถาบันการเงินส่งลูกค้าให้พิจาณาค้ำประกันภายใน 1 ปี และมีอายุการค้ำประกัน 5 ปี”
สำนักประชาสัมพันธ์ : 02 -3082741 ต่อ 361 - 363