นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการอำนวยการ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บริษัทฯ และบริษัทในเครือมีรายได้จากการขายในปี 2551จำนวน 399,125 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138,074 ล้านบาทจากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันเฉลี่ยที่สูงขึ้น และการขยายกำลังการผลิตของบริษัทฯ และ TPX ทำให้ปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่ม (Integrated Intake) เพิ่มขึ้นเป็น 287 พันบาร์เรลต่อวันในปี 2551 เทียบกับปีก่อนที่ 231 พันบาร์เรลต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 24 จากปีก่อน อย่างไรก็ตาม จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงอย่างมากจากสิ้นปีก่อน เนื่องจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก ทำให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยมี EBITDA จำนวน 7,949 ล้านบาท ลดลง 21,010 ล้านบาทจากปีก่อน มีผลกำไรสุทธิจำนวน 224 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในปี 2550 จำนวน 19,118 ล้านบาท และหากไม่รวมปัจจัยจากภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ในเรื่องของผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน บริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิ จำนวน 11,435 ล้านบาท ”
“ สำหรับบริษัท ไทยพาราไซลีน จำกัด (TPX) ในปี 2551 ปริมาณการผลิตสารอะโรเมติกส์ของ TPX อยู่ที่ 673,000 ตัน เพิ่มขึ้นประมาณ 277,000 ตันจากปีก่อน มีรายได้จากการขาย 52,446 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,199 ล้านบาทจากปีก่อน อย่างไรก็ตามราคาต้นทุนได้เพิ่มสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน จึงกดดันให้ส่วนต่างราคา PX กับราคาน้ำมันเบนซินปรับลดลงเหลือ 293 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เปรียบเทียบกับระดับ 420 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ในปี 2550 ส่งผลให้ TPX มีกำไรสุทธิจำนวน 2,014 ล้านบาท ”
นายวิโรจน์ กล่าวต่อไปว่า “ ส่วนบริษัท ไทยลู้บเบส จำกัด (มหาชน)(TLB) ในปี 2551 มีอัตราการใช้กำลังการผลิตร้อยละ 91 ต่ำกว่าปีก่อนร้อยละ 5 เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานลดลง อย่างไรก็ดีจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้มีรายได้จากการขาย จำนวน 22,214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 632 ล้านบาทจากปีก่อน แต่จากปริมาณการขายที่ลดลงร้อยละ 21 จากปีก่อน และมีผลขาดทุนจากการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือเป็นมูลค่าสุทธิที่คาดว่าจะได้รับจำนวน 242 ล้านบาท ส่งผลให้ TLB มีกำไรสุทธิในปี 2551 จำนวน 1,048 ล้านบาท ”
นายวิโรจน์ เปิดเผยว่า “ คณะกรรมการบริษัทฯ ในการประชุม เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2552 ได้พิจารณาสภาพคล่องทางการเงินของกิจการซึ่งยังอยู่ในสภาวะที่ดีและมีกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรร โดยผลประกอบการของบริษัทฯ ยังคงมีสภาพที่ดี หากไม่รวมปัจจัยจากภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ จึงมีมติให้บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในงวดนี้ในอัตรา 1 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield ประมาณร้อยละ 11 ทั้งนี้บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2551 ไปแล้วในอัตราหุ้นละ 1.75 บาท เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2551 ทำให้บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลประจำปีสำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 รวมเป็นอัตราหุ้นละ 2.75 บาท โดยเงินปันผลดังกล่าวให้จ่ายออกจากบัญชีกำไรสะสม และเป็นส่วนเงินกำไรที่เสียภาษีในอัตราร้อยละ 25 ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นประเภทบุคคลธรรมดาสามารถขอเครดิตภาษีเงินปันผลได้ในอัตรา 25/75 ของเงินปันผลตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประมวลรัษฎากรมาตรา 47 ทวิ ทั้งนี้บริษัทฯ กำหนดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2551 ในวันที่ 3 เมษายน 2552 โดยกำหนดวัน กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่ 2 มีนาคม 2552 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 3 มีนาคม 2552 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 เมษายน 2552 ”
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 บริษัทฯ และบริษัทในเครือมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 132,841 ล้านบาท มีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 69,261 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 63,580 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ในไตรมาส 4/2551 อยู่ที่ 1.1 เท่า
Niramol Likitprathan (COPA 1/1)
Assistant Manager - Public Affairs
Thai Oil Public Company Limited
Tel: 0-2299-0000 ext. 7121
mobile phone: 081-624-2991