จากการหารือดังกล่าว ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นว่า สามารถที่จะร่วมมือและพัฒนาตลาดแป้งมันสำปะหลังระหว่างกันได้ เนื่องจากแม้ว่าอินเดียจะมีการปลูกมันสำปะหลังแต่ก็ในปริมาณที่ น้อยมาก หัวมันสำปะหลังที่ผลิตได้นำไปแปรรูปเป็นแป้งมันและสาคูสำหรับเป็นอาหาร และโดยที่อินเดียเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ แป้งมันสำปะหลังไทยจึงมีโอกาสอย่างมาก เพราะสามารถนำไปเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้หลากหลาย ทั้งเป็นอาหารและไม่ใช่อาหาร เช่น ผงชูรส สารความหวาน ไม้อัด กาว และ เอทานอล
ทั้งนี้ หลายคนใน SAGOSERVE ได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน World Tapioca Conference 2009 ที่ประเทศไทยได้จัดในเดือนมกราคม 2552 และรับทราบข้อมูลดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ อัตราภาษีนำเข้าแป้งมันสำปะหลังของอินเดียอยู่ในระดับที่สูง ทั้ง 2 ฝ่ายจึงเห็นพ้องกันว่าจะร่วมกันผลักดันให้รัฐบาลอินเดียลดภาษีลง รวมทั้งพัฒนาและส่งเสริมให้มีการนำ แป้งมันสำปะหลังไปใช้ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ นอกจากสาคู เพื่อขยายตลาดสินค้าใหม่ ๆ ด้วย