ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมนโยบายแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมาในเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาก๊าซ LPG ซึ่งในที่ประชุมมีมติให้ชะลอการปรับราคาก๊าซ LPG ออกไปก่อน เนื่องจากราคายังอยู่ในระดับต่ำและสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศชะลอตัว เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2552 นั้น มีเงินสุทธิ 19,840 ล้านบาท มีหนี้สิ้นกองทุน 3,223 ล้านบาท ซึ่งแยกเป็นหนี้ค้างชำระชดเชย 3,011 ล้านบาท และงบประมาณบริหารและโครงการซึ่งได้รับอนุมัติแล้ว 212 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมติเห็นชอบให้การปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดราคาไบโอดีเซล B100 จากเดิมได้กำหนดเพดานราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) เพื่อใช้ในการคำนวณราคาไบโอดีเซล B100 ให้ไม่สูงกว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดมาเลเซีย + 3 บาทต่อกิโลกรัม ปรับใหม่เป็นให้อ้างอิงราคาปาล์มดิบชนิดสกัดแยก(เกรดเอ)ตามกรมการค้าภายในประกาศเผยแพร่ แต่ไม่สูงกว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบที่คำนวณจากราคาปาร์มทะลาย (น้ำมันร้อยละ 17) ตามที่กรมการค้าภายในประกาศเผยแพร่บวกค่าสกัด 2.25 บาท/กิโลกรัม เป็นการชั่วคราวถึง 31 พฤษภาคม 2552 หลังจากนั้นให้กลับมาใช้เพดานราคาน้ำมันปาล์มดิบ(CPO) ทั้งนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2552 ถึง 31 พฤษภาคม 2552 นี้ ซึ่งการปรับปรุงดังกล่าวนี้ เพื่อให้ผู้ค้าผลิตไบโอดีเซล (B100) จำหน่ายให้กับผู้ค้ามาตรา 7 โดยสะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริงในอุตสาหกรรมไบโอดีเซล และสอดคล้องกับมติ ครม. เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 จึงเห็นควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ปรับปรุงเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพบริการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าจำหน่าย ตามผลการศึกษาของสถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) เป็นผู้ประเมินมาตรฐานคุณภาพของ กฟผ. และ การไฟฟ้าจำหน่าย โดยจะมีการสำรวจความพึงใจของผู้ใช้ไฟฟ้าต่อการบริการของ กฟผ. และการไฟฟ้าจำหน่าย ตลอดจนการเสนอแนะการปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพบริการ และการกำหนดบทปรับให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นในระยะต่อไป