ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดกิจกรรมค่าย Happy G Family Camps มูลนิธิคุณพุ่ม ครั้งที่ 8 ตอน : การพัฒนาเครือข่ายการช่วยเหลือเด็กออทิสติกและคนพิการในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมูลนิธิคุณพุ่ม ร่วมกับ สำนักพัฒนาสังคม กทม. และสมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม (ไทย) จัดขึ้น ณ อาคารเกาะลอย สวนลุมพินี เขตปทุมวัน โดยมีบุคคลออทิสติก คนพิการ และผู้ปกครองเข้าร่วมงานกว่า 200 คน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า กรุงเทพมีนโยบายนโยบายส่งเสริมการศึกษาให้กับนักเรียนที่มีความบกพร่องด้านวุฒิภาวะที่ไม่สมวัยซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยจัดการเรียนร่วมในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครเพื่อให้เด็กพิการประเภทต่างๆ สามารถเข้าร่วมชั้นเรียนกับเด็กปกติได้ ที่ผ่านมามีโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครเปิดทำการสอนแล้ว 74 แห่ง และได้ประสานงานกับโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการจัดการศึกษาแก่เด็กที่มีความต้องการพิเศษในรูปแบบการจัดการเรียนร่วม
โดยกรุงเทพมหานครมีเป้าหมายที่จะเปิดทำการเรียนการสอนร่วมในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครอีก 26 แห่ง รวมเป็น 100 แห่ง เพื่อให้เพียงพอกับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งวางแผนพัฒนาบุคลากรโดยส่งเสริมให้ครูผู้สอน จำนวน 100 คน เข้ารับการศึกษาเพิ่มเติมภาคพิเศษในหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขาการศึกษาพิเศษ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจ และประสิทธิภาพในการสอน และเพิ่มจำนวนครูที่จบการศึกษาด้านจิตวิทยาและการแนะแนว จำนวน 120 คน เพื่อทำหน้าที่คัดกรองเด็กพิเศษในโรงเรียนอีกด้วย
สำหรับโครงการ Happy G หมายถึง การเป็น Happy Gentleman หรือการเป็นเด็ก เยาวชนสุภาพบุรุษที่สง่างาม เกิดขึ้นจากความห่วงใยของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ที่มีพระประสงค์ให้เด็ก และเยาวชนทุกกลุ่มเป้าหมายเป็นคนดี คนเก่ง และเป็นประโยชน์ต่อสังคม จึงทรงประทานนโยบายให้มูลนิธิคุณพุ่ม ดำเนินโครงการและกิจกรรมที่มุ่งส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนทุกกลุ่มเป้าหมาย
ทั้งนี้ โครงการค่าย Happy G Family Camps มูลนิธิคุณพุ่ม ครั้งที่ 8 ตอน : การพัฒนาเครือข่ายการช่วยเหลือเด็กออทิสติกและคนพิการในกรุงเทพมหานคร จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ คือ มุ่งเน้นการให้เด็กพิเศษและเด็กทั่วไปได้เรียนรู้กิจกรรมและการทำงานร่วมกันในฐานการเรียนรู้ต่างๆ จำนวน 7 ฐาน ได้แก่ ฐานที่ 1 ม้าบำบัด ฐานที่ 2 ศิลปะ ซึ่งประกอบด้วยการระบายสีปูนพลาสเตอร์ และระบายสีหินทับกระดาษ ฐานที่ 3 ปั้นแป้งฝุ่นไม้ ฐานที่ 4 กลุ่มการดำรงชีวิตอิสระ ฐานที่ 5 สันทนาการและดนตรีบำบัด ฐานที่ 6 กล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ และฐานที่ 7 การแสดงสุนัข (K-9) และชมรมสุนัข โดยกิจกรรมต่างๆ ถือเป็นประสบการณ์จริงในชีวิตประจำวัน ที่สามารถสร้างรอยยิ้ม ความสุข และสติปัญญาแก่เด็กที่เข้าร่วมกิจกรรม รวมถึงครอบครัวและเครือข่ายจะได้รับความรู้ และมีความเข้าใจในการเลี้ยงดูเด็กพิเศษกลุ่มต่างๆ ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น