นายอุทิศ ธรรมวาทิน อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ในโอกาสที่กรมศุลกากร จะครบรอบ 135 ปีในวันที่ 4 กรกฎาคม 2552 กรมศุลกากรจึงได้ให้หน่วยงานในสังกัดทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะ ตลอดปี 2552
สำหรับกิจกรรมในส่วนกลาง กรมศุลกากรร่วมกับภาคี “เรารักษ์คลองเตย” 11 หน่วยงาน ซึ่งประกอบด้วยธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) สมาคมชิปปิ้งแห่งประเทศไทย เซ็นทรัล มาเก็ตติ้ง กรุ๊ป ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 อ.ส.ม.ท. บริษัท ล็อกซ์เล่ย์ จำกัด (มหาชน) สำนักงานเขตคลองเตย การท่าเรือแห่งประเทศไทย สถานีตำรวจนครบาลท่าเรือคลองเตย โรงงานยาสูบ และธนาคารออมสิน จัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การจำหน่ายสินค้าราคาประหยัด ในโครงการ “ตลาดนัดเรารักคลองเตย” และกิจกรรมโครงการ “กรุงไทย-ภาคีเรารักษ์คลองเตย ร่วมใจปลูกป่าชายเลน” ปลูกกล้าพันธุ์ไม้เพื่อรักษาสภาพป่าชายเลน ซึ่งจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม 2552 ณ สถานตากอากาศชายทะเลบางปู ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
สำหรับด่านศุลกากรต่างๆจะมีการจัดกิจกรรมต่างๆมากมาย ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-ธันวาคม 2552 อาทิ การจัดเลี้ยงอาหารกลางวัน ณ สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า และสถานสงเคราะห์เด็กพิการ การมอบสิ่งของเครื่องอุปโภคและบริโภค อุปกรณ์กีฬา และเครื่องเขียน ให้แก่โรงเรียนที่ขาดแคลน มอบเวชภัณฑ์ให้แก่บ้านผู้สูงอายุ จัดกิจกรรมส่งเสริมศิลปะพื้นบ้าน จัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง เพื่อสุขภาพ จัดแข่งขันกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ กับหน่วยงานในพื้นที่ จัดโครงการดำเนินชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง โครงการปลูกป่า และปลูกป่าชายเลน โครงการเด็กไทยยุคใหม่สนใจเศรษฐกิจ โครงการตลาดนัดชายแดน โครงการ สุขอนามัยพื้นบ้าน โครงการ “สายตาสายใจ สายใยเชื่อมชาวไทยภูเขา” และการจัดโครงการสัมมนาทางวิชาการให้แก่ผู้ประกอบการ เป็นต้น
นับตั้งแต่กรมศุลกากรได้เริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ.2417 จนถึงในวันนี้ กรมศุลกากรมีอายุครบ 135 ปี กรมศุลกากรได้มีการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่องโดยได้ปฏิรูปองค์กร นำระบบ e-Customs มาช่วยอำนวยความสะดวกในการให้บริการกับผู้ประกอบการอย่างครบวงจร รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการให้บริการเข้าสู่ระบบไร้เอกสาร (Paperless) สนับสนุนและพัฒนาประสิทธิภาพของข้าราชการกรมศุลกากรให้สอดคล้อง รองรับกับนโยบายของรัฐบาล พัฒนาระบบงานให้เป็นองค์กรที่มีความ โปร่งใส ทันสมัย ให้บริการเป็นเลิศ นอกจากนี้ยังปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้การปฏิบัติพิธีการศุลกากรดำเนินไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว สอดคล้องกับวิธีปฏิบัติที่เป็นสากล อันเป็นการช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งเพิ่มกลยุทธ์ในการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน จนสามารถสร้างความมั่นคงทางการค้าระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันทัดเทียมกับตลาดการค้าของโลก ดังวิสัยทัศน์ของกรมศุลกากรที่ว่า “องค์กรที่ทันสมัย ให้บริการศุลกากรที่เป็นเลิศ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
กรมศุลกากรได้ปรับบทบาทและหน้าที่จากเดิมที่เน้นการจัดเก็บภาษีอากรจากของที่นำเข้ามาและส่งออกไปนอกราชอาณาจักร มาเป็นการมุ่งเน้นที่จะพัฒนาส่งเสริมด้านการค้าระหว่างประเทศ และขยายการส่งออกของไทยให้มีศักยภาพสูงขึ้น พัฒนาระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการนำเข้า การส่งออกและ
โลจิสติกส์ ในการแข่งขันกับตลาดการค้าของโลก รวมทั้งดำเนินการพัฒนาระบบงานต่าง ๆ เพื่อนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบริหารงานด้านการนำเข้า-ส่งออก แม้ว่าบทบาทในการควบคุมการเคลื่อนย้ายสินค้าเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศและการจัดเก็บภาษีอากรจะยังคงอยู่ แต่ความรับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายสินค้าระหว่างประเทศได้ขยายขอบเขตกว้างมากขึ้นอย่างต่อเนื่องไปสู่การควบคุมการเคลื่อนย้ายสินค้าและนโยบายอื่นๆของประเทศในภาพกว้าง
ที่ผ่านมาบทบาทในการส่งเสริมการส่งออกของไทย กรมศุลกากรได้มีการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานใหม่ๆ มีการนำมาตรการต่างๆที่หลากหลาย ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออกสินค้าและตัวแทนออกของมาใช้มากมาย รวมทั้งมีนโยบายส่งเสริมให้ระบบตัวแทนออกของเป็นไปตามมาตรฐานโลก อันเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติพิธีการศุลกากรเกี่ยวกับการนำของเข้ามาใน หรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง พิธีการศุลกากรจะต้องเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และจะต้องไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการส่งออกอย่างสิ้นเชิง เราจึงควรร่วมกันวางแนวทางในการปฏิบัติงาน ปรับกลยุทธ์ รวมทั้ง ระเบียบใหม่ของกรมศุลกากรที่มีผลกระทบต่อการทำงานของตัวแทนออกของทั้ง ทางตรงและทางอ้อม ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด เพื่อเตรียมพร้อมที่จะเดินหน้าในตลาดการค้าโลกได้อย่างไม่เสียโอกาส
ในช่วงก่อนเข้าสู่สหัสวรรษใหม่ หลายหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานที่สังกัดอยู่ในภาครัฐบาลหรือบริษัทเอกชนต่างก็หันมาเตรียมองค์กรของตนให้มีความพร้อมที่จะสามารถเข้าสู่การแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในศักราชใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในเรื่องนี้ กรมศุลกากรเองก็มิได้นิ่งนอนใจแต่ประการใด เราได้มีการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงองค์กรในการเพิ่มประสิทธิภาพที่จะเกิดขึ้นกับองค์กร กรมศุลกากรจึงได้ปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ พันธกิจ และยุทธศาสตร์ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการบริหารการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
วิสัยทัศน์ ศุลกากรมาตรฐานโลก เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และปกป้องสังคม
อำนวยความสะดวกทางการค้าและความมั่นคงปลอดภัยตามแนวชายแดน
ภารกิจที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกของศุลกากร คือ การพัฒนา การนำนโยบาย และ นำมาตรการการอำนวยความสะดวกทางการค้า และการจัดเก็บภาษีอากรที่มีประสิทธิภาพมาใช้ นอกจากบทบาทในด้านการส่งเสริมการส่งออกแล้ว บทบาทที่สำคัญของกรมศุลกากรอีกบทบาทหนึ่ง ได้แก่ บทบาทในการปกป้องสังคม ซึ่งเป็นกระบวนการที่เพิ่มความมั่นคงปลอดภัย เฝ้าระวังการนำสินค้าต้องห้ามต้องกำกัด สินค้าอันตราย หรือวัตถุมีพิษเข้ามาในประเทศหรือการนำเข้ามาใช้เกินปริมาณควบคุม