กฟผ. เผยน้ำในเขื่อนมีพอใช้ เตือนต้องประหยัดเพราะฤดูแล้งอาจยาวนาน

ศุกร์ ๒๐ มีนาคม ๒๐๐๙ ๑๗:๑๓
กฟผ. เผยปริมาณน้ำในเขื่อน กฟผ. ปีนี้น้อยกว่าปีที่แล้ว แต่ภาพรวมยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ มั่นใจมีน้ำพอใช้เพื่อการชลประทานตลอดฤดูแล้ง วอนให้ประชาชนช่วยกันประหยัดน้ำ เพราะหากปีนี้ฝนตกน้อยหรือฤดูแล้งยาวนานจะส่งผลกระทบต่อปีหน้าได้

วันนี้ (20 มี.ค.) นายวิรัช กาญจนพิบูลย์ รองผู้ว่าการกิจการสังคมและสิ่งแวดล้อม ในฐานะโฆษก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำปี 2552 ว่า จากข้อมูล ณ วันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา พบว่า ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำของ กฟผ. รวมทั้งสิ้นประมาณ 44,076 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 71 ของความจุอ่างทั้งหมด น้อยกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วประมาณร้อยละ 3.4 หรือ 2,125 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งหากมองในภาพรวมทั้งประเทศจะเห็นว่า ปริมาณน้ำในปีนี้น้อยกว่าปีที่แล้วเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และยังมีระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ อย่างไรก็ตามเขื่อนในภาคเหนือ (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล) มีน้ำรวมกัน 14,079 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 60.6 ของความจุอ่าง โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งมีระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ต่ำ โดยปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลอยู่ที่ร้อยละ 55.4 ของความจุ ส่วนเขื่อนสิริกิติ์อยู่ที่ ร้อยละ 67 ของความจุ

โฆษก กฟผ. กล่าวต่อไปว่า ขณะที่ภูมิภาคอื่นๆ มีระดับอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยภาคกลาง-ตะวันตก (เขื่อน ศรีนครินทร์ เขื่อนท่าทุ่งนา เขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนแก่งกระจาน และเขื่อนคิรีธาร) มีน้ำรวมกัน 21,521 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 79 ของความจุอ่าง โดยอ่างเก็บน้ำของทุกเขื่อนมีระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนสิรินธร เขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนน้ำพุง เขื่อนห้วยกุ่ม และเขื่อนปากมูล) มีน้ำรวมกันประมาณ 2,842 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 62 ของความจุอ่าง มีเพียงอ่างเก็บน้ำของเขื่อนสิรินธร ที่มีระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างต่ำ นอกนั้นอยู่ในเกณฑ์ปกติค่อนข้างสูง ส่วนภาคใต้ (เขื่อนรัชชประภา และเขื่อนบางลาง) มีน้ำรวมกัน 5,635 ล้าน ลบ.ม. หรือ ร้อยละ 79 ของความจุอ่าง โดยอ่างเก็บน้ำของทุกเขื่อนมีระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ

นายวิรัช กล่าวด้วยว่า แม้ปีนี้จะปีปริมาณน้ำโดยรวมลดลงจากปีที่แล้ว เนื่องจากปีที่แล้วมีการระบายน้ำมากตามความต้องการใช้น้ำเพื่อการเกษตรที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ในปีนี้ความต้องการใช้น้ำเพื่อการเกษตรน่าจะไม่มากเท่าปีที่แล้ว สังเกตได้จากความต้องการใช้น้ำตามโครงการเจ้าพระยาใหญ่ของปีนี้อยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่ปีที่ 2551 มีการระบายกว่า 10,000 ล้าน ลบ.ม. ดังนั้นคาดว่าในปี 2552 จะสามารถระบายน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของ ภาคเกษตรกรรมได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม กฟผ. ขอให้ประชาชนรวมถึงเกษตรกรใช้น้ำด้วยความประหยัด เพราะหากใช้น้ำมากเกินไป ในขณะที่ฤดูฝนล่าช้าออกไป หรือภาวะแห้งแล้งยาวนานกว่าปกติ จะส่งผลกระทบต่อการจัดสรรน้ำในปี 2553

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๐ รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๑๖:๑๔ ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๑๖:๑๓ Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๑๖:๑๐ ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๑๖:๕๒ โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๑๕:๒๖ กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๑๕:๐๑ สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๑๕:๒๙ 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๑๕:๐๘ โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๑๕:๕๒ electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version