“จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” สบช่องแนวโน้มคนรุ่นใหม่ร้องคาราโอเกะเพิ่มขึ้น ผนึก “ทีเจ มีเดีย” ช่วยเติมเต็มซิงกิ้ง บิสเนสให้มีความครบถ้วนยิ่งขื้น ดีเดย์กลาง พ.ค. นี้ ขายเครื่องเล่นคาราโอเกะเจาะตลาดเชิงพาณิชย์และบ้าน ชูจุดเด่นใช้งานง่าย เติมเพลงสะดวก และถูกกฎหมาย เพียงถอดฮาร์ดดิสก์ไปเพิ่มเพลงที่อิมเมจิ้นสาขาใกล้บ้าน ตั้งเป้าปีแรกทำยอดขายทะลุ 7 พันเครื่อง ชี้เป็นการร่วมมือแบบวิน วินทั้งสองฝ่าย ยกระดับมาตรฐานคาราโอเกะในไทย
"แกรมมี่" ผนึก “ทีเจ มีเดีย” เติมเต็มซิงกิ้ง บิสเนสให้ครบถ้วนยิ่งขื้น
นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสขยายช่องทางจำหน่ายเพลงในรูปแบบธุรกิจการร้อง (Singing Business) จากแนวโน้มคนรุ่นใหม่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบร้องเพลงคาราโอเกะทั้งนอกบ้านและในบ้านเพิ่มขึ้น เพื่อคลายเครียดจากการเรียนและการทำงาน ขณะเดียวกันถือเป็นโอกาสสังสรรค์ในหมู่เพื่อนฝูง จึงได้จับมือกับบริษัท ทีเจมีเดีย (ไทยแลนด์) จำกัด ในเครือบริษัท ทีเจมีเดีย จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจเครื่องเล่นคาราโอเกะและสินค้าประเภทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องคาราโอเกะ จากประเทศสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อเติมเต็มซิงกิ้ง บิสเนสของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ให้มีความครบถ้วนยิ่งขึ้น
จากปัจจุบันมีบริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค พับลิชชิ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ MPI ประกอบธุรกิจบริหารและจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ จากผู้ประกอบการภัตตาคาร ร้านอาหาร สื่อวิทยุ ร้านคาราโอเกะ ตู้คาราโอเกะ หรือผู้ประกอบการอื่นๆ ที่นำผลงานเพลงของแกรมมี่ไปใช้ในเชิงการค้า และมีบริษัท คลีน คาราโอเกะ จำกัด หรือ CK ประกอบธุรกิจร้านคาราโอเกะบนห้างสรรพสินค้า
ชูจุดเด่น “ใช้งานง่าย เติมเพลงสะดวก และถูกต้องตามกฎหมาย”
ทั้งนี้ ทีเจ มีเดียจะนำเครื่องเล่นคาราโอเกะแบรนด์ทีเจมีเดียเข้ามาจำหน่ายในไทย ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม 2552 เป็นต้นไป ชูจุดเด่นใช้งานง่าย เติมเพลงสะดวก และถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าเชิงพาณิชย์ (Commercial User) โดยมี MPI เป็นตัวแทนจำหน่าย ขณะที่กลุ่มลูกค้าที่ใช้ในบ้าน (Home User) มีห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปเป็นตัวแทนจำหน่าย เช่น เซ็นทรัล เดอะมอลล์ เป็นต้น จำนวน 2 รุ่น ได้แก่ ขนาด 320 GB ราคา 9,900 บาท และ ขนาด 500 GB ราคา 12,900 บาท
“ถ้าเป็นลูกค้าร้านคาราโอเกะ เรามีเจ้าหน้าที่ MPI ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ให้บริการเติมเพลงใหม่ๆ ถึงที่ร้านค้า ขณะที่ถ้าเป็นลูกค้าทั่วไปสามารถเติมเพลงใหม่ๆ หรือเพลงโปรดได้ตามใจชอบ เพียงถอดฮาร์ดดิสก์ไปเพิ่มเพลงได้ที่ร้านอิมเมจิ้นทุกสาขาทั่วประเทศ รวมทั้งคาราโอเกะเครื่องนี้ยังสามารถดูหนังฟังเพลงจากแผ่นซีดี วีซีดี และดีวีดีได้เช่นเดียวกับเครื่องเล่นวีซีดีและดีวีดีทั่วไป” นายไพบูลย์ กล่าว
ทั้งนี้ ตั้งเป้าปีแรกมียอดขายอย่างน้อย 7,000 เครื่อง แบ่งเป็น เครื่องเล่นคาราโอเกะเชิงพาณิชย์ 30% และเครื่องเล่นคาราโอเกะประเภทลูกค้าที่ใช้ในบ้าน 70%
ชี้เป็นการร่วมมือแบบวิน วินทั้งสองฝ่าย ยกระดับมาตรฐานคาราโอเกะในไทย
การร่วมมือครั้งนี้เป็นความร่วมมือในลักษณะวิน วินทั้งสองฝ่าย เพราะทีเจ มีเดียจะรับรู้รายได้จากยอดขายเครื่องเล่นคาราโอเกะ ขณะที่จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่จะรับรู้รายได้ 2 ส่วน คือ 1.จากค่าเผยแพร่ลิขสิทธิ์เพลงทำซ้ำ และค่าเผยแพร่ลิขสิทธิ์เพลงในสถานประกอบการคาราโอเกะแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะมีการนำเพลงคาราโอเกะของศิลปินจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่เข้าไปบรรจุในฮาร์ดดิกส์ของเครื่องเล่นคาราโอเกะ แบรนด์ทีเจมีเดีย และ 2. จากรับรู้รายได้จากค่าบริการเติมเพลง ซึ่งในส่วนที่สองหากผู้บริโภคมีพฤติกรรมเติมเพลงเป็นประจำหรือสม่ำเสมอ จะทำให้มีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันเป็นการสนับสนุนใช้สินค้าเพลงที่มีลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้ธุรกิจคาราโอเกะในประเทศไทยมีมาตรฐานยิ่งขึ้น โดยเฉพาะปัญหาละเมิดการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลงทำซ้ำและค่าเผยแพร่ลิขสิทธิ์เพลงในสถานประกอบการคาราโอเกะต่างๆ น่าจะลดน้อยลง
“เรารู้สึกยินดีที่มีโอกาสร่วมงานกับทีเจมีเดีย ถือเป็นความร่วมมือระหว่าง “ฮาร์ดแวร์” คือ ทีเจมีเดีย และ “ซอฟท์แวร์” คือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพื่อนำเพลงคาราโอเกะของศิลปินแกรมมี่บันเดิ้ลเข้าไปในเครื่องเล่นคาราโอเกะทีเจมีเดีย เสมือนการแสดงจุดยืนสนับสนุนการทำธุรกิจบนพื้นฐานของความถูกต้องและเป็นธรรม ส่งผลดีต่อภาพรวมตลาดเพลงลิขสิทธิ์ให้มีมาตรฐานมากขึ้น เพราะเป็นการเปลี่ยนโมเดลการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ใหม่ จากเดิมที่ผู้ประกอบการร้านคาราโอเกะเป็นผู้จ่ายทั้งค่าลิขสิทธิ์เพลงทำซ้ำ และค่าเผยแพร่ลิขสิทธิ์เพลง เป็นผู้ประกอบการร้านคาราโอเกะจ่ายแค่เผยแพร่ลิขสิทธิ์เพลงอย่างเดียว เพราะทีเจมีเดียจ่ายค่าลิขสิทธิ์เพลงทำซ้ำให้แล้ว ซึ่งเชื่อมั่นว่าโมเดลนี้จะส่งผลวิน วินกันทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเรา, คู่ค้า (คือ ทีเจมีเดีย) และลูกค้า (คือ ผู้ประกอบการร้านคาราโอเกะ)” นายไพบูลย์ กล่าว